วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

7 เมนู ที่ควรหลีกเลี่ยงยามท้องว่าง

7 เมนู ที่ควรหลีกเลี่ยงยามท้องว่าง






1. เหล้า กระเทียม ทั้งสองอย่างนี้จะยิ่งกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร อักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
2. น้ำตาลหรืออาหารหวาน เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
3. ชาแก่ จะทำ ให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือ จาง เกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง
4. ลูกพลับ เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก ทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
5. กล้วย เพราะจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียม และแมกนีเซียม เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อ สุขภาพอย่างมาก
6. ผัก เพราะหากรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้ท้องอืด
7. นมและถั่วเหลือง แม้จะอุดมด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภท แป้งอยู่


แถมท้ายอีกนิดว่า ขณะท้องว่างไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิด อาการช็อกได้ง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ


link ที่้เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,Strawberries Skin Scrub


ข้อมูลจากคอลัมพ์ “สุข กาย” ในจดหมายข่าว “สร้างสุข” ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ( สสส.),bewtychic

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Brighten Locks with a Tea Treatment

 >> Brighten Locks with a Tea Treatment <<

What You Need

:ชา 2 ถุง (เลือกชาคาโมมายล์หากคุณเป็นสาวผมสีอ่อน ส่วนสาวผมสีเข้มเลือกใช้ชาดำจะเวิร์คสุดๆ)
:น้ำสะอาด 2 ถ้วย
 
 

How to

1. เริ่มจากต้มถุงชาในน้ำร้อนประมาณ 10 นาที จากนั้นทิ้งไว้จนน้ำชาเย็นในระดบอุณหภูมิห้อง หรือถ้ารีบ
    ก็นำไปแช่ตู้เย็นเลยก็ได้

2. ชโลมน้ำชาลงบนเส้นผมที่ยังหมาดๆ นวดเบาๆ ให้ทั่ว

3. ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออก แล้วบำรุงด้วยครีมคอนดิชั่นเนอร์ตามปกติ
    
   >>ทำซักสัปดาห์ละครั้ง หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าผมต้องการการบำรุง สารบำรุงจากชา
    จะช่วยฟื้นฟูส่วนที่แห้งเสีย ให้นุ่มลื่น เงางามเป็นประกาย
<<


 link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,
แต่งหน้าแบบเกาหลี โดยอาจารย์ คริสติน คิม
  เครดิต bewtychic

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการแต่งหน้า สวยเก๋ เทรนด์สาวเกาหลี

เทคนิคการแต่งหน้า สวยเก๋ เทรนด์สาวเกาหลี


เท รนด์เกาหลีตอนนี้กำลังมาแรงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร นักร้อง โอ้ย...อะไรก็เกาหลีไปหมด สำหรับการแต่งหน้าก็ไม่แพ้กัน เครื่องสำอางเกาหลีก็ยอดฮิตในหมู่สาว ๆ ครั้งนี้เรามีเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลี ที่เป็นสไตล์สวยใสแบบธรรมชาติ ไม่เน้นสีสันฉูดฉาด มากฝากสาว ๆ ทั้งหลายจ้า..

1. เริ่มต้นด้วยรองพื้น ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการแต่งหน้าสไตล์นี้ เลือกรองพื้นให้ตรงตามสีผิวของเรามากที่สุด ลงรองพื้นบางๆ ไม่ต้องหนามาก จากนั้นใช้คอลซีลเลอร์แต้มจุดที่เราต้องการปกปิด แล้วเกลี่ยให้เรียบเนียนเข้ากับรองพื้น

2. มา ต่อกันที่คิ้ว เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญเช่นกันกับการลงรองพื้น การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีนิยมเขียนคิ้วตามรูปคิ้วจริง ใช้ดินสอเขียนคิ้วและแชโดว์บรัช จะช่วยให้เขียนออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติ

3. จาก นั้นลงอายแชโดว์สีชมพูลงก่อน แล้วตามด้วยการไฮไลท์สีมุก สีชมพูจะทำให้ตาดูสว่างเพิ่มการไฮไลท์เข้าไปยิ่งทำให้ดวงตาดูสดใส แต่อย่ามือหนักลงสีเยอะเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อลงอายแชโดว์เรียบร้อยแล้ว เขียนอายไลน์เนอร์เล็กน้อยเฉพาะขอบตาบนเท่านั้นนะคะ
4. ลง มาที่แก้ม ใช้บรัชออนสีชมพูอ่อน ๆ ปัดเบา ๆ ที่โหนกแก้ม มีเทคนิคนิดหน่อยคือ เวลาปัดควรยิ้มค่ะ โหนกแก้มจะได้นูนขึ้นมา สีชมพูจะทำให้พวงแก้มดูมีเลือดฝาด เป็นสีชมพูระเรื่อย ดูเป็นธรรมชาติและสุขภาพดีค่ะ
5. ปิด ท้ายที่ริมฝีปากค่ะ ควรเลือกลิปสติกเฉดสีแดง ทาบริเวณในปากเท่านั้นค่ะ ริมฝีปากจะดูสว่างสดใสขึ้น จากนั้นให้ทาลิปกลอสทับ ทาบริเวณด้านในและด้านนอก ข้อควรระวังคืออย่าทาลิปกลอสมากเกินไป เพราะความมันจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ
เครดิต http://koreahouse.thport.com,bewtychic

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แนะนำเครื่องสำอางสำหรับสาว ๆ ตามแบบฉบับ สาวเกาหลี

แนะนำเครื่องสำอางสำหรับสาว ๆ ตามแบบฉบับ สาวเกาหลี : ))

Skinfood Carrot Cream Light ครีมแครอท ช่วยบำรุงให้ขาวกระจ่างใส ลดสิว ลดริ้วรอย จุดด่างดำ ให้ผิวเนียนนุ่ม สำหรับผิวผสม-ผิวมัน ด้วยสารสกัดจาก แครอท ที่อุดมไปด้วยสารเบต้า-แค
โรที่วิตามินซี rich organic extracts และ น้ำแร่ที่ทำให้ผิวสดชื่น จากเกาะเจจู ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออก ช่วยให้ผิวพรรณดูขาวกระจ่างใส มีความอ่อนโยนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ช่วยลดความมันที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี พร้อมคืนความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยปรับสภาพเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้าน เนื้อครีมบางเบาซึมดีไม่เหนอะหนะคะ

 
SkinFood Carrot Line ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีทั้ง ชนิด ซึ่งได้แก่ สารกันเสีย,สีสังเคราะห์,เอธิลอัลกอฮอล์,Mineral Oils,ส่วนผสมอื่นๆ ที่สกัดได้จากส่วนต่างๆของสัตว์ กลิ่นสังเคราะห์ และ Benzophenone เมื่อผลิตภัณฑ์ในชุด Carrot นี้ไม่มีส่วนผสมดังกล่าวจึงทำให้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้อ่อนโยนกว่าต่อผิวของคุณ
แครอทอุดมไปด้วย สารเบต้าเคโรทีน มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้าย  เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด เมื่อนำแครอทมาใช้เป็นเครื่องสำอาง แครอทจึงช่วยเติมความชุ่มชื่น ช่วยให้ผิวได้รับการผ่อนคลาย อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ
Carrot Toner โทนเนอร์ที่บางเบา และอ่อนโยน ช่วยปรับสภาพผิวและคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว

SkinFood Tomato Wrinkle Sun Cream SPF36 PA++ ครีมกันแดดมะเขือเทศต่อต้านริ้วรอย นอกจากกันแดดแล้วยังทำให้ผิวอ่อนเยาว์แล้วยังไร้ริ้วรอยอีกด้วย ได้รับการรับรองว่าอยุ่ในกลุ่มของเวชสำอาง หรือมีส่วนผสมที่ทำให้เห็นผลได้จริง โดนยาที่ได้รับการรับรองโดยการวิจัยซึ่งไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ที่เกินจากมาตรฐาน
ครีมกันแดดมะเขือเทศต่อต้านริ้วรอยนี้ ทำหน้าที่สองอย่างในครีมเดียว นอกจากจะปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB แล้วยังช่วยลบเลือนริ้วรอยบางๆ รวมทั้งริ้วร่องลึก บริเวณหางตาและร่องแก้ม และด้วยสารสกัดจากมะเขือเทศที่เข้มข้น อุดมไปด้วยโปรตีนที่มีพลังต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ จึงต่อต้านได้ทั้งริ้วรอย และแสงแดดที่ร้อนแรง 2 in 1 เลิศมากค่ะ
Etude House Collagen Moistfull Eye Cream ครีมทาใต้ตาที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนเข้มข้น ช่วยให้ไม่เหี่ยว ไม่มีริ้วรอย
Omija Whitening Serum [Brightening Effect]เซรั่มที่สกัดจากชาสมุนไพรชั้นดีของเกาหลี และโอมิจา(ผลไม้ตะกูลเบอรี่)ช่วยควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานิน เซรั่ม ที่สกัดจากชาสมุนไพรชั้นดีของเกาหลี และโอมิจา(ผลไม้ตะกูลเบอรี่)ช่วยควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนการเกิด จุดด่างดำ ฝ้า กระ พร้อมช่วยบำรุงผิวให้ขาวใส ป้องกันและลดเลือนริ้วรอย ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ให้ผิวขาวเรียบเนียนสดใสเป็นธรรมชาติ
วิธีใช้ หลังการใช้โทนเนอร์ แต้มเซรั่ม จุด หน้าผากโหนกแก้ม ข้าง,จมูก และคาง เกลี่ยออก แล้วนวดจากล่างขึ้นบน ใช้ฝ่ามือตบเบาๆเพื่อให้เซรั่มซึมเข้าบำรุงสู่ใต้ผิว
Omija Whitening Teabag Toner [Brightening Effect]155 ml โทน เนอร์สกัดจากชาสมุนไพรชั้นดีของเกาหลี ผสมผสานคุณค่าของ Omija ผลไม้หนึ่งในตระกูลเบอร์รี่ ที่พิถีพิถันในการเพาะปลูกเป็นอย่างดี ช่วยควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ พร้อมปรับผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอก ทั้งยังช่วยต่อต้านริ้วรอย และบรรเทาการอักเสบของผิวหน้าได้เป็นอย่างดี เผยผิวสวยใสอย่างมีสมดุลย์
วิธีใช้ 
Omija Teabag : โทนเนอร์ omija จะมีชาแนบมาด้วย ถุง วิธีใช้คือ หลังการเปิดใช้ครั้งแรก ใช้ถุงชาชงเข้าไปในโทนเนอร์ (ตามรูป) จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ นาที ยกถุงชาออก ปิดฝาขวด เขย่าเล็กน้อย แล้วใช้เป็นโทนเนอร์ตามปกติ (เทโทนเนอร์ลงบนสำลี แล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า)
Cheek Mask Sheet : เทโทนเนอร์ลงบนมาส์กแก้ม แล้ววางมาส์กไว้บนแก้มทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำออก จะช่วยให้แก้มดูเนียนใส ขาวขึ้น
ควรเก็บโทนเนอร์ omija ไว้ในตู้เย็น หรือในที่ที่มีอากาศเย็น เพื่อถนอมคุณค่าของชาให้ใหม่อยู่เสมอ และควรใช้ให้หมดหลังการเปิดใช้ 3-4 เดือน

Skinfood Agave Cactus Light Cream 45 ml.    ครีม อัลกาเว่ แคคตัส ไลท์ ต่อต้านริ้วรอย ผิวหน้าขาวใสขึ้น สำหรับผิวผสมและผิวมัน ได้รับการรับรองว่าอยู่ในกลุ่มของเวชสำอางหรือ มีส่วนผสมที่ทำให้เห็นผลได้จริงโดยยาที่ได้รับการรับรองโดยการวิจัย ซึ่งจะไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอมหรือสารสังเคราะห์ใดๆ ที่เกินจากมาตรฐาน SkinFood Agave Cactus Hydrating Cream มีส่วนผสมสำคัญจากต้นกระบองเพชรอัลกาเว่ ซึ่งเป็นการค้นพบใหม่ ที่พบว่าต้นกระบองเพชร อัลกาเว่เป็นเหมือนกับอ่างเก็บสารอาหาร ตามธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ช่วยทั้งต้านริ้วรอย ผิวหน้าขาวใส ครีมอัลกาเว่ แคคตัส ไลท์ เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน ช่วยบำรุงผิวชั้นนอกให้ขาวเปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย ด้วยสูตรบางเบา ไม่ทำให้เหนาหน่ะ ปรับสมดุลให้ผิวเปล่งปลั่งเนิ่นนาน พร้อมเพิ่มความนุ่มนวลแก่ผิว และคุณค่าในการบำรุงเพียบ ช่วยให้ผิวสว่างใส มีชีวิตชีวา อ่อนเยาว์ โดยผิวหน้าขาวใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
วิธีใช้ หลังจากทำความสะอาดใบหน้า เช็ดผิวหน้าหมาดๆ แล้วเริ่มด้วยการทา โทนเนอร์ ตามด้วยเซรั่ม อีมัลชั่น และปิดท้ายด้วยครีม โดยในแต่ละตัวใช้ในปริมาณ เล็กน้อย และตบผิวหน้าเบาๆ เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้า เท่านี้หน้าก็ขาวใส ไร้ริ้วรอยค่ะ
สกินแคร์คาเวียร์คอลลาเจน สารสกัดจากไข่ปลาคาเวียร์และทองคำบริสุทธิ์พิเศษด้วยคอลลาเจน คืนความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยให้แก่ิผิวอย่างเห็นผลรวดเร็วเนื้อซีรั่มซึมไว เป็นเนื้อเจล ใช้แท่งดรอปเปอร์กดและลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า
สามารถใช้ร่วมกับคาเวียร์ซีรั่มรุ่นออริจินัลได้ค่ะ
เซ รั่มบำรุงผิวหน้า ด้วยคอลลาเจนเข้มข้น คาเวียร์จากรัสเซีย และทองคำบริสุทธิ์ ทำให้ผิวที่มีริ้วรอยลึกลดลงจนเห็นได้ชัด ผิวตึงกระชับขึ้น 
คอลลาเจนที่สกัดจากธรรมชาติ ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ช่วยในเรื่องการกระตุ้นการสังเคราะห์เนื้อเยื่อ อีลาสตินได้เป็นอย่างดีจึงเห็นความเเปลี่ยนแปลงได้ไม่ยากหลังจากที่ใช้ได้ ไม่นานทองคำบริสุทธิ์ ผ่านกระบวนการ Nano Technologyช่วยให้ผิวนุ่ม ผสานคุณค่าของคาเวียร์ จากรัชเซีย ช่วยปกป้องผิวจากริ้วรอยลึก ให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับขึ้น และความมีชีวิตชีวาให้แก่ผิว สาร Adenosine ช่วยกระดุ้น DNA โปรตีนผิวชั้นในปกป้องให้คงไว้ ซึ่งความอ่อนเยาว์ ผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสี UV ปรับสภาพผิวให้เพื่อรองรับการบำรุงผิว (Cosmeceutical for Wrinkle Care)
** คำแนะนำ หลังการใช้ Toner แต้ม Caviar Collagen Serum 5 จุดบนใบหน้า ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า แล้วกดเบาๆเพื่อให้ซึมสู่ผิว

**    และ นี่คือ ครีมและเซรั่วบำรุงผิว ที่ ทางเราได้แนะนำ มา และหวังว่าสาวคง เลือกได้ง่าายขึ้น และเหมาะสมกับผิวหน้า
เครดิต bewtychic

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นวดและบริหารหน้าอก

นวดและบริหารหน้าอก

ท่าบริหารหน้าอกกระชับด้วย weight (น้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม)
ยืนตัวตรง กางขาออกเล็กน้อย กางแขนออกสองข้างเหยียดตึง แล้วดึงแขนเข้าหาตัวคล้ายทำท่ากอดแขนซ้ายอยู่บน กางแขนออกทั้งสองข้างอีกครั้งหลังตรง และดึงแขนเข้าทำท่ากอดอีกครั้ง แต่สลับเป็นแขนขวาอยู่บน ทำสลับกันอย่างนี้ 1-15 นาที


ท่าบริหารกระชับอก (ไม่ใช้ weight)
ท่าที่ 1
ท่าที่ 2
กางแขนออกกว้าง เท่าช่วงไหล่ แขม่วท้องแล้วเหยียดแขนไปด้านหลังทั้งสองข้าง แอ่นอกให้ตึง บ่าตึง ขณะบริหารให้นับ 1-50 หรือมากได้ตามต้องการกางขาออกกว้าง แขม่วท้อง ชูแขนขึ้นเหนือศรีษะ เหยียดแขนให้ตึงแนบหู ขณะชูแขน โยกตัวไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ขณะทำท่าบริหารให้นับ 1-50 หรือมากได้ตามต้องการ

ท่าบริหารอกห่างให้ชิดกัน
ท่าที่ 1
ท่าที่ 2
ท่าที่ 3
ท่าหนีบหน้าอก ยกหัวไหล่ สองข้างพร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้าง ดันหน้าอกจากข้างลำตัวขึ้น แล้วไขว้แขน มือทั้งสองข้างจับกัน ยกหัวไหล่ชิดหู ขณะทำท่าบริหารให้แขม่วท้อง นับ 1-50 หรือมากกว่านั้นใช้มือดันอกจากด้านข้างเฉียงไปตรงกลางอกดันค้างไว้ ขณะทำท่าบริหารให้แขม่วท้องไว้ นับ 1-50 แล้วกลับมาทำอีกข้างหนึ่งแบบเดิมใช้อุ้งมือสองข้างอกพร้อมกัน บีบหน้าอกให้ชิดกันจนมือประสานกันได้ ขณะทำท่าบริหารให้แขม่วท้อง แล้วนับ 1-50 หรือมากตามต้องการ ท่านี้เมื่อบริหารแล้วจะช่วยให้อกชิดสวยไม่คล้อย

นวดกดจุดเพื่ออกเนียนสวย
มีวิธีที่ทำให้ผิวหน้าอกเนียนสวยได้รูปวิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น เรียกว่า ซึโบะ (Tsubo) เป็นการนวดแบบกดจุด เพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้ผิวที่สร้างความสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ น้ำหนักของการกดจุดจะผสานกับการเต้นของหัวใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กระแสโลหิตไหลเวียนอย่างราบรื่น ลองมาทำดูกันดีกว่านะคะ

การนวดกดจุดเพื่อสร้างให้ผิวบริเวณอกเนียนสวย จะประกอบด้วยการกดจุด 2 จุด (สามารถทำเองได้) คือ

จุดแดนชู
จุดแดนชู (Danchu) อยู่ระหว่างกึ่งกลางอกโดยค่อยๆเน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบเดิม 3 ครั้ง
จุดเทนเคอิ
จุดเทนเคอิ (Tenkei) ให้ทำมือลักษณะดังรูปโดยใช้นิ้วโป้งกดจุดระหว่างลำตัวดังภาพ โดยค่อยๆเน้นน้ำหนักการกดนับ 1-3 แล้วค่อยๆผ่อนน้ำหนักออก ทำซ้ำแบบเดิม 3 ครั้ง

อะไรควร อะไรไม่ควร เพื่อหน้าอกสวยมีสุขภาพ
ควรทำ

1. สำรวจ ตรวจหาสิ่งผิดปกติบริเวณหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
2. ออกกำลังกายบริหารหน้าอกเป็นประจำเพื่อเพิ่มความกระชับให้หน้าอก
3. ดูหน้าอกเป็นพิเศษในช่วงมีรอบเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่หน้าอกจะไวต่อการสัมผัสมากและในระยะก่อนที่ประจำเดือนจะมา  หน้าอกอาจขยายจนรู้สึกคัดหน้าอก การงดเครื่องดื่มกาเฟอีนช่วยลดอาการคัดหน้าอกได้
4. ลองใช้น้ำเย็นราดทรวงอก ช่วยนวดกระตุ้นให้หน้าอกขยายมากขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยเปิดฉีดฝักบัวแรงๆวนรอบหน้าอกเหมือนการนวดทุกครั้งที่อาบน้ำ จะทำให้เลือดหมุนเวียนและทำให้สดชื่นมากขึ้นด้วย
5. การทาครีมบำรุงผิวหน้าอกช่วงที่หน้าอกกำลังขยายจะช่วยให้หน้าอกไม่เป็นลาย
6. ว่ายน้ำเป็นการออกกำลังที่ดีมาก เพราะจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกไปควบคู่กับการพยุงของน้ำ

ไม่ควรทำ
1. ละเลยการตรวจหาสิ่งผิดปกติ เช่นก้อนเนื้อ เนื้อร้าย ในวัยขึ้นต้นด้วยเลข 3
2. ละเลยการทาครีมบำรุงผิวบริเวณหน้าอก เนื่องจากผิวหนังส่นนี้บางกว่าส่วนอื่นๆ
3. ปล่อยให้มีเหงื่อ อับชื้นหรือใส่บราที่ไม่ระบาย เพราะพื้นที่ระหว่างหน้าอกทั้งสองจะมีต่อมไขมันอยู่ ทำให้อาจมีสิวขึ้นได้
4. ฝืนใส่บราผิดขนาดเพียงเพราะเสียดายที่ซื้อมาผิด
5. นอนคว่ำ เพราะจะทำให้หน้าอกผิดรูปแบบ ท่านอนที่เหมาะสมคือ การนอนตะแคงและหาหมอนนุ่มรองใต้หน้าอก
6. ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะไปเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
7. ดื่มกาแฟ โคล่า ช็อกโกแลตและชา

คุณค่าอาหารเพื่ออกสวย
++ กินไขมันสัตว์ให้น้อยมาก และเลือกกินน้ำมันจากปลาและน้ำมันมะกอกแทน
++ รับประทานอาหารเสริมจำพวกวิตามิน ซี อี เบต้าแคโรทีนและแร่ธาตุ อย่าลืมกินพืชที่มีแอนตี้ออกซิเดนสูง อย่างผักสดและผลไม้ โดยเฉพาะ หอม กระเทียม แครอท มะเขือเทศ บล็อคโคลี่ และกะหล่ำ
++ กินไฟเบอร์ให้มากๆโดยเฉพาะข้าวโอ๊ต เรย์ ข้างฟ่าง ข้าวซ้อมมือ และถั่วต่างๆ
++ รับประทานโปรตีนเพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ



link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,ความรู้เรื่องการใช้สบู่อาบน้ำ
เครดิต bewtychic

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด




วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด



      ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิดนะครับ ที่รู้จักกันดีก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVAและ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนังได้ครับ แต่ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะว่า... วันนี้ผมมีวิธีเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝากกันครับ
SPF (Sun Protective Factor) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า ป้องกัน UVB ได้กี่เท่าส่วน UVA ยังไม่มีค่ามาตรฐาน ปัจจุบันนิยมใช้ PA และเครื่องหมาย + ปกติคนไทยมีผิวคล้ำซึ่งเม็ดสีสามารถป้องกัน UVB ได้บ้างแล้ว ดังนั้น SPF มากกว่า 15 และ PA++ ขึ้นไป ก็เพียงพอ 
1. ดูที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่ กันน้ำได้ (Water Proof หรือ Water Resistance)
2. ปริมาณ ควรใช้ปริมานที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป
3. จำนวนครั้งที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด         โดนลม อาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง
4. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่น ใส่หมวก เนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 %
5. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น
6. อาหาร อย่าลืมทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน เกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้        ด้วย 
ถ้าคุณ..รู้จักเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมชีวิตประจำวันของคุณแล้ว ... คุณก็จะสามารถปกป้องผิวสวยของคุณ..จากแสงแดดได้สบายเลยครับ


นพ.ธัญธรรศ โสเจยยะ
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง รพ.วิภาวดี

    link ที่เกี่ยวข้อง  เครื่องสำอางเกาหลี,นวดสลายเซลลูไลท์
  เครดิต bewtychic

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พอกหน้าใสปิ๊งปั๊งกับ 7 สูตรประหยัดเวลา

พอกหน้าใสปิ๊งปั๊งกับ 7 สูตรประหยัดเวลา

อยากเป็นเจ้าของสาวหน้าใส ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้ดูนะ 
1. พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง
ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้ง ลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ นวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาสัก 5 นาทีจนน้ำผึ้งเหนียว ปล่อยทิ้งไว้ แล้วนอนพักให้ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้า และลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น พักไว้สักครู่ ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก

2. พอกหน้าด้วยแอปเปิ้ล
ปอกแอปเปิ้ล คว้านเอาไส้และเมล็ดออก แล้วบดให้ละเอียดขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำเอาส่วนผสมนี้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้างออก

3. พอกหน้าด้วยแตงโม  ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ เลือกเอาส่วนที่แดงที่สุด แปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าไว้ นอนพักสักครู่ ประมาณ ½ ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

4. พอกหน้าด้วยไข่ขาว ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออก เทเฉพาะไข่ขาว ลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟอง ใช้แปรงนุ่มๆ จุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

5. พอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้อย่างน้อย ½ ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

6. พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ
สาวแดนปลาดิบ เขานิยมฝานมะเขือเทศหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน เพราะในมะเขือเทศมีวิตามินซีและ กรดAHA ช่วยลอกผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกได้แล้วจึงใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออกให้หมด

7. พอกหน้าด้วยนมเปรี้ยว สาวผิวหน้ามัน ให้ล้างหน้าให้สะอาดก่อน แล้วนำนมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัด พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรืออาจนานกว่านั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในหน้าร้อน ใบหน้าที่หมองคล้ำจะดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้น

  เครดิต bewtychic

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ศอกขาวเนียนด้วย เอนไซม์จากสับปะรด

ศอกขาวเนียนด้วย เอนไซม์จากสับปะรด
เรื่องของข้อศอกดำ หัวเข้าด้าน ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้สาว ๆ หลายคนนั้น แทบจะเมินเสื้อสายเดี่ยว และมินิเเกิร์ตไปเลย เพราะไม่ว่าจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ก็ทำให้ไม่มั่นใจเลย ดังนั้น วันนี้เราก็มีเคล้ดลับในการดูแลข้อศอก และหัวเข้าของคุณแบบง่าย ๆ ด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติมาฝากกัน
เอนไซม์ที่ว่าก็มาจากผลไม้ที่เรียกว่า หาได้แทบทุกฤดูกาล นั่นคือ สับปะรด
ขั้นตอนทำสวยของเราก็ง่ายแสนง่าย เพียงนำเอาสับปะรด 1/4 ผล ไปสับให้ละเอียด จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็นไว้ เมื่อได้เวลาอาบน้ำก็เปิดตู้เย็น หยิบสับปะรดที่เราเตรียมไว้ไปด้วย ซึ่งหลังจากที่เราอาบน้ำ ขัดผิวให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว นำสับปะรดเย็น ๆ ที่เตรียมไว้มาขัดให้ทั่วแขน ขา ข้อศอก และหัวเข่า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาด้วยครีมบำรุงผิวที่คุณใช้อยู่เป็นประจำ
สูตรนี้สามารถทำได้บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ควรจะเกินวันเว้นวัน แล้วรับรองว่า ผิวของคุณจะกลับมานุ่ม เนียน ไม่มีปัญหาข้อศอกดำ ด้าน หรือหัวเข่าดำคล้ำมาให้กังวลใจอีกแน่นอน.

   เครดิต  bewtychic

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กำจัดริ้วรอย ให้สิ้น...รอย !!!

กำจัดริ้วรอย ให้สิ้น...รอย !!!
เพราะไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ผู้หญิงจึงไม่สามารถปฏิเสธการมาเยือนของศัตรูตัวร้าย อย่าง “ริ้วรอย” ได้...
โดยเฉพาะผู้หญิงในวัย 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่เริ่มถดถอยลง ประกอบกับปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวเริ่มเสื่อมลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น โครงสร้างผิวจึงอ่อนแอลง สูญเสียความยืดหยุ่น เป็นผลให้มีริ้วรอยแห่งวัยไล่ตามเป็นเงาตามตัว
แม้จะต้องอุทิศเวลาค้นหาหนทางแห่งความงาม... เจ็บตัวกับสารพัดนวัตกรรมลบเลือนริ้วรอย... หรือต้องทุ่มเงินเป็นจำนวนมากสักเพียงใด แต่ผู้หญิงเราก็ยอม !!!
แล้วจะมีหนทางใด...ช่วยกำจัด “ริ้วรอย” ให้สิ้น...รอย ได้บ้างนะ !!!
ริ้วรอยแห่งวัย
เดวิด คู ผู้จัดการด้านวิทยาการความงามและเทคนิคผลิตภัณฑ์ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศสิงคโปร์ ให้คำอธิบายว่า ริ้วรอยแห่งวัย คือ รอยที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังของแต่ละคน มีลักษณะตื้นลึกมากน้อยแตกต่างกันไป ตามปัจจัยภายในและภายนอกของแต่ละบุคคล ซึ่งตามหลักการแพทย์แล้วทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับและเชื่อว่าเป็นที่มาของริ้วรอยก็คือ “ทฤษฎีอนุมูลอิสระ” ที่เชื่อว่าการเสื่อมของร่างกายมนุษย์ จะเริ่มตั้งแต่อายุก้าวพ้นวัย 20 ปีเป็นต้นไป โดยทุกส่วนของร่างกายจะมีการเสื่อมลงพร้อมๆ กัน เพียงแต่การเสื่อมที่เกิดจากภายใน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนกับผิวและผมที่อยู่ภายนอก และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดมากขึ้นตามอายุ อาทิ เริ่มมีรอยย่นเกิดมากขึ้นและลึกขึ้น ผิวเริ่มหยาบกร้าน หย่อนยาน คืนตัวช้า เป็นต้น
ลักษณะของผิวหนังที่เกิดความชรา เชื่อกันว่าเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โดยพันธุกรรมและอายุ อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อมนับเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่ผิวหนัง การที่ผู้หญิงต้องเผชิญทั้งฝุ่นควัน รังสียูวี ความชื้น สารเคมี และมลภาวะต่างๆ ซึ่งถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิว เป็นสาเหตุของความร่วงโรยของผิวโดยตรง มีผลทำลายชั้นผิวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดเป็นริ้วรอยแห่งวัย อีกทั้ง อนุมูลอิสระในผิวยังส่งผลต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ก่อให้เกิดการอุดตันและความไม่เรียบเนียนของผิวพรรณอีกด้วย
นอกจากนี้ พฤติกรรมบางอย่างที่หลายคนมักทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัย อาทิ ชอบขมวดคิ้ว เอามือเท้าคาง ขยี้ตาแรงๆ เลิกหน้าผาก รวมถึงการแสดงอารมณ์ โมโห โกรธ ร้องไห้ บ่อยๆ หรือกระทั่งคนที่ชอบนอนคว่ำหน้า เป็นต้น รวมถึงความเครียด การสูบบุหรี่จัด การดื่มเครื่องแอลกอฮอล์เป็นประจำ การลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว และการได้รับสารอาหารและน้ำไม่เพียงพอ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เสริมให้ริ้วรอยแห่งวัยถามหาทั้งสิ้น
“ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดริ้วรอยได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของแต่ละคน แต่กลุ่มที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยมากและเร็วที่สุด คือ ผู้หญิงที่ไม่ได้ดูแลตัวเองเป็นประจำ เพราะริ้วรอยเป็นสิ่งต้องดูแลระยะยาว และสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นริ้วรอยจะยิ่งสะสมและเกิดเป็นรอยลึกขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะฟื้นฟูได้”
ทางเลือกใหม่ของการลบเลือนริ้วรอย
หญิงสาวหลายต่อหลายคนเชื่อมั่นว่า “เลเซอร์ทรีตเมนต์” คือที่สุดแห่งนวัตกรรมของการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยในปัจจุบัน ทว่าความจริงแล้วทางเลือกนี้ ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกคน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วอีกต่างหาก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การทำทรีตเมนต์ด้วยเลเซอร์ จะคุ้มค่าและสามารถให้ผลลัพธ์ได้ตามต้องการ ?!!
พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ อธิบายถึงกระบวนการทำงานของเลเซอร์ทรีตเมนต์ว่า หลายคนเชื่อว่าเลเซอร์ลบเลือนริ้วรอยเป็นวิธีที่ช่วยลบเลือนริ้วรอยที่ดีที่สุด ทั้งที่จริงแล้วโดยธรรมชาติ ผิวสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองจากการเสื่อมสภาพตามวัยได้อยู่แล้ว แต่อาจช้าลงตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งหลักการของการทำเลเซอร์ลบเลือนริ้วรอย คือ การใช้เทคโนโลยีแสงพลังงานต่ำที่ปลอดภัยเข้าไปทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ ในชั้นเซลล์ผิว ให้อะมิโนเปปไทด์ที่อยู่ในชั้นผิวของเราอยู่แล้ว ถูกปล่อยออกมาตามธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ในลักษณะเดียวกับวงจรการซ่อมแซมผิว ทำให้ริ้วรอยค่อยๆ จางไป ช่วยกระชับให้ผิวเรียบเนียน และแลดูอ่อนเยาว์ได้
เดวิด เสริมว่า อะมิโนเปปไทด์นับเป็นการคิดค้นใหม่ในเรื่องของการดูแลริ้วรอยเกี่ยวกับโครงสร้างของคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟู และปรับสภาพเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้กลับสดใสขึ้นมาได้ เสริมประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของพวกคอลลาเจนต่างๆ ให้กับผิวหน้า ซึ่งปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ความงามได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กัน นับเป็นอีกทางเลือกในการลบเลือนริ้วรอยที่ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องเสียเงินมากนัก
ทำอย่างไรห่างไกลริ้วรอย
แม้ปัจจุบันจะมีสารพัดนวัตกรรม และหลากหลายผลิตภัณฑ์ อาสาเป็นผู้ช่วยขจัดริ้วรอยให้แก่คุณผู้หญิง ทว่า การตั้งต้นดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด (ว่ามั้ย ?!!)
- อาหารและน้ำ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารแอนติ ออกซิแดนต์ และวิตามิน เอ วิตามิน ซี และวิตามิน อี ซึ่งส่วนมากมีในผักและผลไม้ เช่น แครอต ฟักทอง มะเขือเทศ เป็นต้น มีผลทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ รวมถึงการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเซลล์ผิว และยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย
- ออกกำลังกาย เมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายจะกำจัดของเสียที่จะเร่งให้แลดูแก่กว่าวัยออกจากร่างกาย รวมถึงช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที หรืออาจออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายๆ ในที่ทำงาน เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การเดินแทนการใช้ลิฟต์ เป็นต้น
- เลี่ยงแสงแดด แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีปริมาณรังสียูวีเข้มข้นและเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อผิว และควรจะหาเกราะป้องกันให้กับผิวพรรณ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 15 ขึ้นไป โดยควรทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที
- งดการสูบบุหรี่ ลดหรือจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ จะขัดขวางไม่ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้เต็มที่ ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยอันควร ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยมากกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-9 ชั่วโมง เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนในการทำงานระหว่างวันก็ควรจะมีการพักสายตา ด้วยการมองออกไปด้านนอกไกลๆ เป็นระยะ หรือหลับตาสักพักบ้าง เพราะการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณตาเกร็ง และอาจเกิดริ้วรอยขึ้นบริเวณรอบดวงตาได้
- เลิกพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การขมวดคิ้ว ขยี้ตา เอามือเท้าคาง เป็นต้น รวมถึงความเครียด และการแสดงสีหน้าอารมณ์โกรธ โมโห หากทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัยอาจทำให้เกิดริ้วรอยลึกได้ นอกจากนี้ การลดความอ้วนอย่างรวดเร็วก็อาจก่อให้เกิดริ้วรอยได้เช่นกัน เพราะเมื่อชั้นไขมันใต้ผิวหนังหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวก็จะเหี่ยวย่นตามไปด้วย
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลบเลือนริ้วรอยที่เหมาะกับสภาพผิว
แม้ริ้วรอยแห่งวัยจะไม่สามารถกำจัดให้สิ้นรอยได้ แต่ก็สามารถชะลอ หรือลดเลือนลงได้จริงๆ นะ! 

เครดิต bewtychic

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีอ่านค่าSPF-PAของครีมกันแดด

วิธีอ่านค่าSPF-PAของครีมกันแดด


      เพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดด คุณผู้อ่านจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดด โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดที่ปกป้องผิวจาก ยูวีเอ และยูวีบี สังเกตได้จาก ค่า PA ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจาก ยูวีเอ ส่วน ค่า SPF จะป้องกันยูวีบี


แต่ทั้งค่า PA และ SPF ต่างก็มีแยกย่อยออกเป็นหลายชนิด และความแตกต่างนั้นบ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ต่างกัน โดย พญ.ธวลิดา เวชชวิณิชย์ แพทย์ผิวหนัง, เลเซอร์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระรามเก้า จะมาช่วยไขคำตอบให้...เริ่มจาก ค่า PA ที่มักจะมีให้เห็น อาทิ PA+, PA++, PA+++


สำหรับความหมายของ + ที่ติดมากับค่า PA คือความสามารถปกป้องผิวจากยูวีเอ แบบเท่าตัว กล่าวคือ เครื่องหมายบวกเดียว เท่ากับการป้องกันยูวีเอ 2 เท่า เครื่องหมายบวกสองตัว คือ ปกป้อง 4 เท่า และสามบวก คือ ป้องกันยูวีเอ 8 เท่า


ส่วนค่า SPF ที่มีตัวเลขต่อท้าย อาทิ SPF10, SPF15, SPF 60 นั้นสามารถนำมาคำนวณระยะเวลาในการปกป้องผิวจากยูวีบี โดยนำตัวเลขส่วนท้ายคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้หมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดชนิดนั้นจะป้องกันยูวีบีได้ เช่น SPF10 นำ 10x30 เท่ากับ 300 นาที


อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณผู้อ่านไม่ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวเลย เมื่อคุณต้องออกไปอยู่ในสถานที่แจ้ง แสงแดดแรงร้อน ผิวของคุณก็จะเกิดอาการแดงและคล้ำได้ภายใน 30 นาที และหากเป็นเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง ผิวของคุณก็จะเผชิญกับปัญหาผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัย รุนแรงมากอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้. เครื่องสำอางเกาหลีก็มีหลายตัวที่ท่านจะเลือกใช้ให้เข้ากะผิวของท่าน ลองเลือกใช้ดูนะคะ่


link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำิอางเกาหลี,บริหารสะโพกให้ดูดี


เครดิต www.pooyingnaka.com,bewtychic

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

siegsa: ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

siegsa: ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย: "ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตา..."

ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตาด้วยการบำรุงรักษากันดีกว่า

1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวัน
เนื้อ ครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้ หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์

2. กินหอมใหญ่สีแดง
เทียบ กันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะ เลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆ ของคุณ

3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้าง
ดวง ตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลง ฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที

4. สวมแว่นกันแดด
การ สวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจาแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า



5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ

6. ตรวจความดันเป็นประจำ
โรค ความดันโลหิตไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากกว่าที่คุณคิด

7. เหยาะน้ำมันกันสักนิด
น้ำมัน ที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์ วานิลลา จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดเจน วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา


8. กินมันเทศบ่อยๆ
เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น

9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อย
แสง จ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนจะได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป

10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
เพราะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติดเชื้อตาแดงมาจากสุดที่ รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองก็ควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน

11. หยุดใช้เกลือ
ความ เค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า "เกลือโซเดียมต่ำ" หรือ "ปราศจากเกลือ"

12. ปรับแอร์ออกจากตัว
เวลา นั่งรถ สาวๆ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง และในช่องแอร์ยังอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีปลอดภัยทั้งดวงตาและต่อสุขภาพด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก spicy,bewtychic

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิว

เลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิว






ขอแนะเคล็ดลับวิธีการเลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิวมาบอก...


    -ผิวขาวอมชมพู  ให้ทำเฉดสีบลอนด์ แนะว่าควรเลือกสีบลอนด์ประกายหม่น โทนน้ำตาลทองหรือทองแดงประกายน้ำตาล แล้วเสริมด้วยการทำไฮไลท์โทนอ่อนกว่าหนึ่งระดับเพื่อช่วยให้ผิวดูไม่ซีดเกินไป


   -ผิวขาวอมเหลือง สีผิวนี้ทำให้ใบหน้าดูซีดเซียว ไม่สดใส ควรเลือกทำสีผมโทนสีแดง เช่น ประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง


   -ผิวสองสีหรือสีน้ำผึ้ง เหมาะกับผมโทนสีทอง เช่น สีส้ม น้ำตาลทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเนื้อ เพิ่มด้วยการทำไฮไลท์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ จะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น


   -ผิวสีแทน ผิวคล้ำหรือผิวสีเข้ม เหมาะกับผมสีน้ำตาลแก่ เช่น น้ำตาลช็อกโกแลต สีมอคค่า แนะว่าควรเพิ่มสีประกายทองแดง หรือเพิ่มมิติด้วยไฮไลต์ไล่ระดับ เพื่อขับให้สีผิวไม่ดูคล้ำจนเกินไป


ฉะนั้นก่อนทำสี อย่าลืมเลือกสีผมให้เข้ากับสีผิวของตัวเอง.


link ที่เกี่ยวข้อง  เครื่องสำอางเกาหลี,อาหารเพื่อผิวสวย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์,bewtychic

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

10 ทริคความงาม (แบบประหยัด)

10 ทริคความงาม (แบบประหยัด)

เพราะ ช่วงนี้อะไรก็ฝืดเคืองไปหมด ข้าวของก็ราคาแพงเหลือเกินแต่เงินเดือนก็ไม่เพิ่มสักเท่าไร เรามาลองใช้ทริคเหล่า เพื่อช่วยให้เราประหยัดไปได้บ้างดีกว่าค่ะ เพื่อนๆชาวผู้หญิงนะคะดอทคอมลองนำไปใช้นะคะ ได้ผลยังไงบอกต่อเพื่อนสาวด้วยค่ะ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะรู้แล้วแต่ลองอ่านเพิ่มเติมกับข้ออื่นๆนะคะ

   1. บรอนเซอร์และแป้งเด็ก ช่วยขจัดความมันของผมมันๆ
อาจ จะเป็นโชคร้ายของหลายคนที่มีผมมัน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังมันเยิ้ม หากวันไหนจำเป็น หรือออกไปข้างนอกแล้วรู้สึกได้เลยว่าผมเริ่มมันเยิ้ม ให้ใช้บรอนเซอร์หรือจะเป็นแป้งเด็กก็ได้ เทใส่โคนผมในปริมาณเพียงเล็กน้อย เพื่อให้แป้งซับเอาน้ำมันส่วนเกินออก จากนั้นก็ก้มศรีษะลงและสะบัดเอาผงแป้งออกซะ หรือจะใช้ดรายแชมพูก็ได้ค่ะ สำหรับวันไหนเร่งรีบ (ดรายแชมพู ยี่ห้อ พีเจ้นท์ มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆค่ะ) ใช้สระผมโดยไม่ต้องล้างออก

   2. วาสลีน ช่วยได้
ไม่ ว่าจะใช้ทาริมฝีปากแทนลิปมัน หรือหากมีผิวตรงไหนที่แห้งมากๆก็ใช้ได้ดี และยังใช้สำหรับเช็ดเครื่องสำอางค์รอบดวงตาได้ด้วยค่ะ ใครที่ส้นเท้าแตกแห้ง หลังจากขัดเท้าให้ทาวาสลีนและสวมถุงเท้าไว้ค่ะ

   3. Visine นอกจากใช้หยอดตาแล้ว ยังช่วยเรื่องสิวด้วย
ใคร เคยอดตาหลับขับตานอนจนตาแดงบ้าง Visine นี่ล่ะช่วยได้ แต่ไม่หมดแค่นั้นค่ะ หากเราเป็นสิว ใช้เจ้า Visine นี่ละเพียงเล็กน้อยทาบนหัวสิว จะช่วยลดรอยแดงลงได้แทบจะทันทีเลยค่ะ หาซือ้ Visine ที่ร้านขายยาค่ะ

  4. ผมเป็นไฟฟ้าสถิตใช้มอยเจอไรเซอร์
หาก คุณมีผมที่มักจะชี้เหมือนเป็นไฟฟ้าสถิต ลองใช้มอยเจอไรเซอร์ เพียงแค่เล็กน้อยประมาณเหรียญบาท ถูบนฝ่ามือ แล้วค่อยลูบลงบนเส้นผมตรงที่เป็นไฟฟ้าสถิต น้ำหนักของมอยซ์เจอไรเซอร์จะช่วยให้ผมลู่ลง และคุณก็ได้ประโยชน์จากการถูบนฝ่ามือด้วยค่ะ

  5. เล็บเหลืองจากการทาสีเล็บ
สาวๆ มักจะทาสีเล็บและไม่ค่อยได้ดูแลจนเล็บเหลืองไม่น่ามอง ให้ผ่าซีกมะนาวแล้วเอาเล็บมือจุ่มลงไปในลูกมะนาวสัก 5 นาที จะช่วยให้ผิวเล็บสะอาดขึ้น

  6. ลืมซื้ออายแชโดว์ชนิดครีม...ทำเองซะ
โดย ใช้แปรงที่เปียกชื้น (จากปกติใช้แบบแห้งๆ) กับอายแชโดว์แบบเนื้อแป้ง เพียงแค่นี้ก็จะได้เนื้อครีมที่สว่างขึ้นสำหรับเปลือกตา ง่ายแต่ได้ผลค่ะ

  7. น้ำหอมบนข้อมือ
หาก กำลังจะออกไปพบใครและอาจจะต้องมีการเชคแฮนด์ ใช้น้ำหอมในปริมาณเล็กน้อยบนข้อมือ เช่นเดียวกับบริเวณหลังหู ซึ่งบางครั้งการเชคแฮนด์กลายเป็นการจูบมือ หรือการโดนหอมแก้ม จะทำให้เค้าคนนั้นได้กลิ่นหอมอ่อนๆของคุณด้วย

8. ใช้แผ่นปรับผ้านุ่มให้เป็นประโยชน์
บ้าน ไหนใช้เครื่องอบผ้า คงต้องใช้แผ่นปรับผ้านุ่มด้วย หรือคุณจะหาซื้อมาไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้ก้ได้ ที่ชั้นน้ำยาปรับผ้านุ่มและมองหาชนิดแผ่นค่ะ เพราะแผ่นปรับผ้านุ่ม จะช่วยให้ผมของคุณมีกลิ่นดีขึ้นหลังจากที่ผ่านราตรีอันยาวนานและกลิ่นบุหรี่ ที่อบอวลจนผมกลายเป็นกลิ่นบุหรี่ เพียงแค่เอามาถูเบาๆ ก็ทำให้คุณลืมผมเหม็นๆและพร้อมจะเริ่มวันใหม่ได้อย่างสบายใจแล้ว

  9. อยากเปลี่ยนทรงแต่ยังไม่อยากตัด
ง่าย นิดเดียว แต่คงเพียงชั่วคราว คุณอาจจะต้องเปลี่ยนข้างปัดผมบ้าง ซึ่งคุณแค่ต้องการหวีและสเปรย์เท่านั้นเอง หรือคุณอาจจะใช้เครื่องประดับเป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นกิ๊บ หรือที่คาดผม หรือหากผมยาวให้ลองเปลี่ยนวิธีมัดผมเป็นมัดแบบกลมๆหรือมัดหางม้าสูง

  10. น้ำ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้หญิง
ไม่ ว่าจะอ่านบทความเกี่ยวกับความงามมากแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่เราจะดื่มได้ในหนึ่งวัน น้ำจะช่วยให้ผิวเรามีสุขภาพแข็งแรง คุณเองก็เช่นกัน นอกจากผิวแล้วผมของเราเองก็เหมือนกัน จะเห็นว่าการดื่มน้ำมีประโยชน์กับเราในทุกด้าน

ทั้ง 10 ข้อนี้คงจะพอให้เพื่อนๆผู้หญิงนะคะดอทคอมนำไปประยุกต์ใช้ได้บ้างนะคะ ลองเอาของใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่าค่ะ บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงๆเสมอไปใช่มั้ยคะ

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

5 วิธีแปลงกายเป็นสาวหวาน ในชั่วโมงเร่งด่วน

5 วิธีแปลงกายเป็นสาวหวาน ในชั่วโมงเร่งด่วน

   สวยใสอินเทรนด์

          เดือนแห่งเทศกาลฉลองปีใหม่ผ่านไปแล้ว เดือนแห่งเทศกาลของความรักตามมาติดๆ หลายคนอาจได้ลงมือทำอะไรใหม่ๆ เป็นของขวัญให้ตัวเองกันไปแล้ว แต่หลายคนอาจยังหัวฟูกับงานกองพะเนิน ไม่ก็การบ้านกองโต จนยังโงหัวไม่ขึ้น

  
          เอาน่า... เติมลูกฮึดให้ตัวเองอีกครั้ง ฉุดตัวเองขึ้นยืนมองกระจกทันทีที่เห็นภาพสะท้อนตรงหน้าแล้วเผลอสะดุ้งเฮือก หรือชะงักงันไปแม้เพียงเสี้ยววินาที ขอแนะนำให้รีบหาเรื่องหวานๆ ใส่ตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่กลิ่นเปรี้ยวๆ จะโชยออกมาให้คนรอบข้างผงะ

          ถ้าพูดถึง ความสวย คนอยากสวยก็แค่เดินไปให้หมอศัลยกรรม ทำคิ้วถาวร กรีดตาสองชั้น เหลาคาง รีดไขมัน หรือเลยเถิดถึงขั้นตัดแต่งซี่โครงเพื่อให้เอวคอดกิ่ว... อันนี้ไม่ยากเพราะมันเป็นเรื่องของร่างกายล้วนๆ

          แต่ ถ้าพูดถึงความหวาน คนอยากหวานไม่สามารถเดินไปให้หมอศัลยกรรมทำยิ้มถาวร กรีดแววตาอ่อนโยน หรือยัดซิลิโคนหัวใจแจ่มใส... อันนี้ยากมาก ยากที่สุด ยากจนถึงขั้นหมอเทวดาก็ทำศัลยกรรมให้ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ

1. ถูกแพงไม่รู้ ขอชมพูไว้ก่อน

          หน้าใส ผิวผ่อง อมชมพูเรื่อๆ เป็นความสวยแบบธรรมชาติที่มองแล้วเพลินตา เพลินใจ คนที่เข้าข่ายหน้าไม่ให้แต่ใจรัก จึงมักพึ่งเครื่องสำอางปกปิดริ้วรอยหรือเนรมิตแก้มเปล่งปลั่งเกินจริง ไม่ก็แต่งหน้าแต่งตาเข้มราวกับนางแบบแมกกาซีน จนดูเหมือนใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา

          ในอารมณ์ ที่อยากจะเป็นสาวหวาน อย่างแรกเลย ขอแนะนำให้ลอกคราบเครื่องสำอางหนาๆ ออกให้เกลี้ยง จะเป็นรองพื้นอย่างหนา คิ้มสีเข้ม อายชาโดว์เป็นชั้นๆ ที่เปลือกตา บลัชออนที่แดงเป็นไส้ซาลาเปาหรือลิปสติกสีสดเป็นเลือด ฯลฯ

         
ลองเก็บเฉด สีเก่าใส่ลิ้นชัก แล้วเปลี่ยนมาใช้แป้งเด็กเนื้อบางเบา บลัชออนสีชมพูอ่อน กับลิปสติกสีชมพูใสแค่แท่งเดียว หรือจะแถมน้ำยาอุทัยทิพย์แตะแก้มเบาๆ สักนิดก็ยังได้้ถ้ารู้สึกว่าหน้าซีดเป็นน้องไก่ต้มเกินไป มองกระจกดีๆ แล้วจะพบว่าเปลือกเก่าๆ บนใบหน้าถูกกะเทาะออกไปแล้ว ใครคนใหม่กำลังจะเผยโฉมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว

2. ยิ้มจากหัวใจ

          อย่าเพิ่ง ขยับไปไหน ยืนอยู่หน้ากระจกนั่นแหละขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในโลก ยิ้มสิจ๊ะ.... ยิ้มสบายๆ แบบที่เขาเรียกว่าระบายยิ้มอ่อนๆน่ะ อย่าฉีกยิ้ม อย่าตั้งใจยิ้มกว้างเกินเหตุ และอย่าล็อคสเปกรอยยิ้มอย่างที่เขาเรียกว่ายิ้มค้าง ถ้ายิ้มแบบนี้จะเกิดอาการเมื่อยปากได้ง่ายๆ เดี๋ยวจะพาลขี้เกียจยิ้มไปซะอีก

          ถามตัวเองง่ายๆ ว่าระหว่างสวยหล่อบาดใจแต่เป็นเสือยิ้มยาก กับคนหน้าตาธรรมดาแต่ยิ้มเก่งชะมัด เราจะส่งยิ้มและเอ่ยปากทักใครก่อนกัน

          ถ้าดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ รอยยิ้มก็คงเป็นเหมือนประตูของหัวใจเช่นกัน ถึงจะยิ้มด้วยกันทั้งคู่แต่ยิ้มที่ปาก เห็นก่อนและชัดเจนกว่ายิ้มที่ตา ว่าแต่ว่าตอนนี้คุณเห็นใครคนใหม่ที่หน้าหวานใสสบายตาชวนมองในกระจกแล้วใช่ ไหม

3. ปล่อยผมเป็นอิสระสักวัน

          หน้าสวยใส ยิ้มกระจ่างแล้ว อย่าปล่อยให้ผมแข็งเป็นตังเม ใครที่ชอบใส่ครีมหรือโปะเจลหนาเตอะ วันนี้ตัดใจบอกลาสักวัน แล้วลองปล่อยผมตามธรรมชาติ

          ถ้าสยาย แล้วสลวยก็แทบไม่ต้องจัดการอะไรอีก แต่ถ้าสยายแล้วออกแนวสยอง หรือพองฟูเกินควบคุม ก็แค่รวบผมง่ายๆ จะเปาะเดียวเป็นเปีย ก็แล้วแต่ความสามัคคีของเส้นผม แต่ถ้ายังไม่มั่นใจในตัวเอง จะอาศัยโรลไฟฟ้าแต่งผมลอนอ่อนๆ ก็ไม่ว่ากัน เน้นนะว่า ลอนอ่อนไม่ใช่ลอนเป็นเกลียวแข็งเหมือนสายโทรศัพท์

4. เสื้อผ้าโทนสีอ่อน

          จะเป็นสาว หวานทั้งตัวทั้งที เสื้อสูทสีเข้ม เสื้อแดงแรงฤทธิ์ ชุดเปรี้ยวเข็ดฟัน หรือเดรสจับจีบแข็งเป็นแพ ถึงจะใส่เป็นประจำ แต่นาทีนี้คงต้องเก็บใส่ตู้ไว้ก่อน เลือกใส่เสื้อโทนสีอ่อนเย็นตา จะขาว ฟ้า ชมพู เขียว เหลือง ก็ขอให้คุมโทนอ่อนๆ เข้าไว้ ไม่ต้องถึงกับอ่อนจนซีด แค่ไม่ให้สีเสื้อแยงตาคนมองรวมถึงแบบเสื้อก็เน้นสไตล์ Casual หรือแบบลำลอง จะลายทาง ลายขวาง หรือลายดอก กติกาเดียวกับการคุมโทนสี คืออย่าเด่นอย่าแรงจนความหวานบนใบหน้าถูกแย่งความสนใจ

          ในที่นี้ ยังไม่รวมไปถึง Accessories ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไล เข็มขัด กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ก็น่าจะเลือกแบบที่ไปกันได้กับสไตล์ Casual เช่นกัน ไม่อย่างนั้น 3 ข้อแรกที่ลงมือทำมาก็หมดความหมาย

5. คิดหวาน พูดหวาน

          จะเป็นสาว หวานทั้งที ต้องหวานทั้งกายและใจ อุตส่าห์แปลงโฉมภายนอกจนเป็นสาวหวานเต็มตัวแล้ว จะให้ครบสูตรต้องหวานไปถึงภายในด้วย จะสวยหวานแค่ไหน ถ้าคุยโขมงด้วยภาษาพ่อขุนรามคำแหงกลางสยามฯ แถมยังสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ อีกต่างหาก จะเรียกเต็มปากได้ไงว่าหนูเป็นสาวหวาน ไม่ต้องถึงกับคลานเข่า พูดเจ้าคะเจ้าขา นาทีละ 10 ครั้ง ขอแค่พูดเพราะ ไม่สบถ โวยวาย แค่นี้ก็พร้อมออกงานได้แล้ว

เครดิต bewtychic