วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ศอกขาวเนียนด้วย เอนไซม์จากสับปะรด

ศอกขาวเนียนด้วย เอนไซม์จากสับปะรด
เรื่องของข้อศอกดำ หัวเข้าด้าน ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้สาว ๆ หลายคนนั้น แทบจะเมินเสื้อสายเดี่ยว และมินิเเกิร์ตไปเลย เพราะไม่ว่าจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ก็ทำให้ไม่มั่นใจเลย ดังนั้น วันนี้เราก็มีเคล้ดลับในการดูแลข้อศอก และหัวเข้าของคุณแบบง่าย ๆ ด้วยเอนไซม์จากธรรมชาติมาฝากกัน
เอนไซม์ที่ว่าก็มาจากผลไม้ที่เรียกว่า หาได้แทบทุกฤดูกาล นั่นคือ สับปะรด
ขั้นตอนทำสวยของเราก็ง่ายแสนง่าย เพียงนำเอาสับปะรด 1/4 ผล ไปสับให้ละเอียด จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็นไว้ เมื่อได้เวลาอาบน้ำก็เปิดตู้เย็น หยิบสับปะรดที่เราเตรียมไว้ไปด้วย ซึ่งหลังจากที่เราอาบน้ำ ขัดผิวให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว นำสับปะรดเย็น ๆ ที่เตรียมไว้มาขัดให้ทั่วแขน ขา ข้อศอก และหัวเข่า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง ทาด้วยครีมบำรุงผิวที่คุณใช้อยู่เป็นประจำ
สูตรนี้สามารถทำได้บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ควรจะเกินวันเว้นวัน แล้วรับรองว่า ผิวของคุณจะกลับมานุ่ม เนียน ไม่มีปัญหาข้อศอกดำ ด้าน หรือหัวเข่าดำคล้ำมาให้กังวลใจอีกแน่นอน.

   เครดิต  bewtychic

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กำจัดริ้วรอย ให้สิ้น...รอย !!!

กำจัดริ้วรอย ให้สิ้น...รอย !!!
เพราะไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่าสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ผู้หญิงจึงไม่สามารถปฏิเสธการมาเยือนของศัตรูตัวร้าย อย่าง “ริ้วรอย” ได้...
โดยเฉพาะผู้หญิงในวัย 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่เริ่มถดถอยลง ประกอบกับปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวเริ่มเสื่อมลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น โครงสร้างผิวจึงอ่อนแอลง สูญเสียความยืดหยุ่น เป็นผลให้มีริ้วรอยแห่งวัยไล่ตามเป็นเงาตามตัว
แม้จะต้องอุทิศเวลาค้นหาหนทางแห่งความงาม... เจ็บตัวกับสารพัดนวัตกรรมลบเลือนริ้วรอย... หรือต้องทุ่มเงินเป็นจำนวนมากสักเพียงใด แต่ผู้หญิงเราก็ยอม !!!
แล้วจะมีหนทางใด...ช่วยกำจัด “ริ้วรอย” ให้สิ้น...รอย ได้บ้างนะ !!!
ริ้วรอยแห่งวัย
เดวิด คู ผู้จัดการด้านวิทยาการความงามและเทคนิคผลิตภัณฑ์ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศสิงคโปร์ ให้คำอธิบายว่า ริ้วรอยแห่งวัย คือ รอยที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังของแต่ละคน มีลักษณะตื้นลึกมากน้อยแตกต่างกันไป ตามปัจจัยภายในและภายนอกของแต่ละบุคคล ซึ่งตามหลักการแพทย์แล้วทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับและเชื่อว่าเป็นที่มาของริ้วรอยก็คือ “ทฤษฎีอนุมูลอิสระ” ที่เชื่อว่าการเสื่อมของร่างกายมนุษย์ จะเริ่มตั้งแต่อายุก้าวพ้นวัย 20 ปีเป็นต้นไป โดยทุกส่วนของร่างกายจะมีการเสื่อมลงพร้อมๆ กัน เพียงแต่การเสื่อมที่เกิดจากภายใน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนกับผิวและผมที่อยู่ภายนอก และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดมากขึ้นตามอายุ อาทิ เริ่มมีรอยย่นเกิดมากขึ้นและลึกขึ้น ผิวเริ่มหยาบกร้าน หย่อนยาน คืนตัวช้า เป็นต้น
ลักษณะของผิวหนังที่เกิดความชรา เชื่อกันว่าเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โดยพันธุกรรมและอายุ อย่างไรก็ตาม สิ่งแวดล้อมนับเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่ผิวหนัง การที่ผู้หญิงต้องเผชิญทั้งฝุ่นควัน รังสียูวี ความชื้น สารเคมี และมลภาวะต่างๆ ซึ่งถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในผิว เป็นสาเหตุของความร่วงโรยของผิวโดยตรง มีผลทำลายชั้นผิวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่นและความกระชับ ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดเป็นริ้วรอยแห่งวัย อีกทั้ง อนุมูลอิสระในผิวยังส่งผลต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ก่อให้เกิดการอุดตันและความไม่เรียบเนียนของผิวพรรณอีกด้วย
นอกจากนี้ พฤติกรรมบางอย่างที่หลายคนมักทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัย อาทิ ชอบขมวดคิ้ว เอามือเท้าคาง ขยี้ตาแรงๆ เลิกหน้าผาก รวมถึงการแสดงอารมณ์ โมโห โกรธ ร้องไห้ บ่อยๆ หรือกระทั่งคนที่ชอบนอนคว่ำหน้า เป็นต้น รวมถึงความเครียด การสูบบุหรี่จัด การดื่มเครื่องแอลกอฮอล์เป็นประจำ การลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว และการได้รับสารอาหารและน้ำไม่เพียงพอ ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เสริมให้ริ้วรอยแห่งวัยถามหาทั้งสิ้น
“ผู้หญิงทุกคนล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดริ้วรอยได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของแต่ละคน แต่กลุ่มที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยมากและเร็วที่สุด คือ ผู้หญิงที่ไม่ได้ดูแลตัวเองเป็นประจำ เพราะริ้วรอยเป็นสิ่งต้องดูแลระยะยาว และสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นริ้วรอยจะยิ่งสะสมและเกิดเป็นรอยลึกขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะฟื้นฟูได้”
ทางเลือกใหม่ของการลบเลือนริ้วรอย
หญิงสาวหลายต่อหลายคนเชื่อมั่นว่า “เลเซอร์ทรีตเมนต์” คือที่สุดแห่งนวัตกรรมของการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยในปัจจุบัน ทว่าความจริงแล้วทางเลือกนี้ ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกคน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิบลิ่วอีกต่างหาก แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า การทำทรีตเมนต์ด้วยเลเซอร์ จะคุ้มค่าและสามารถให้ผลลัพธ์ได้ตามต้องการ ?!!
พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ อธิบายถึงกระบวนการทำงานของเลเซอร์ทรีตเมนต์ว่า หลายคนเชื่อว่าเลเซอร์ลบเลือนริ้วรอยเป็นวิธีที่ช่วยลบเลือนริ้วรอยที่ดีที่สุด ทั้งที่จริงแล้วโดยธรรมชาติ ผิวสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองจากการเสื่อมสภาพตามวัยได้อยู่แล้ว แต่อาจช้าลงตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งหลักการของการทำเลเซอร์ลบเลือนริ้วรอย คือ การใช้เทคโนโลยีแสงพลังงานต่ำที่ปลอดภัยเข้าไปทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ ในชั้นเซลล์ผิว ให้อะมิโนเปปไทด์ที่อยู่ในชั้นผิวของเราอยู่แล้ว ถูกปล่อยออกมาตามธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ในลักษณะเดียวกับวงจรการซ่อมแซมผิว ทำให้ริ้วรอยค่อยๆ จางไป ช่วยกระชับให้ผิวเรียบเนียน และแลดูอ่อนเยาว์ได้
เดวิด เสริมว่า อะมิโนเปปไทด์นับเป็นการคิดค้นใหม่ในเรื่องของการดูแลริ้วรอยเกี่ยวกับโครงสร้างของคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟู และปรับสภาพเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วให้กลับสดใสขึ้นมาได้ เสริมประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของพวกคอลลาเจนต่างๆ ให้กับผิวหน้า ซึ่งปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ความงามได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กัน นับเป็นอีกทางเลือกในการลบเลือนริ้วรอยที่ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องเสียเงินมากนัก
ทำอย่างไรห่างไกลริ้วรอย
แม้ปัจจุบันจะมีสารพัดนวัตกรรม และหลากหลายผลิตภัณฑ์ อาสาเป็นผู้ช่วยขจัดริ้วรอยให้แก่คุณผู้หญิง ทว่า การตั้งต้นดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด (ว่ามั้ย ?!!)
- อาหารและน้ำ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารแอนติ ออกซิแดนต์ และวิตามิน เอ วิตามิน ซี และวิตามิน อี ซึ่งส่วนมากมีในผักและผลไม้ เช่น แครอต ฟักทอง มะเขือเทศ เป็นต้น มีผลทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ รวมถึงการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเซลล์ผิว และยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย
- ออกกำลังกาย เมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายจะกำจัดของเสียที่จะเร่งให้แลดูแก่กว่าวัยออกจากร่างกาย รวมถึงช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งควรออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที หรืออาจออกกำลังกายที่ทำได้ง่ายๆ ในที่ทำงาน เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การเดินแทนการใช้ลิฟต์ เป็นต้น
- เลี่ยงแสงแดด แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าในช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีปริมาณรังสียูวีเข้มข้นและเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อผิว และควรจะหาเกราะป้องกันให้กับผิวพรรณ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ 15 ขึ้นไป โดยควรทาก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที
- งดการสูบบุหรี่ ลดหรือจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ จะขัดขวางไม่ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้เต็มที่ ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยอันควร ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำและก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยมากกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-9 ชั่วโมง เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนในการทำงานระหว่างวันก็ควรจะมีการพักสายตา ด้วยการมองออกไปด้านนอกไกลๆ เป็นระยะ หรือหลับตาสักพักบ้าง เพราะการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณตาเกร็ง และอาจเกิดริ้วรอยขึ้นบริเวณรอบดวงตาได้
- เลิกพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การขมวดคิ้ว ขยี้ตา เอามือเท้าคาง เป็นต้น รวมถึงความเครียด และการแสดงสีหน้าอารมณ์โกรธ โมโห หากทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัยอาจทำให้เกิดริ้วรอยลึกได้ นอกจากนี้ การลดความอ้วนอย่างรวดเร็วก็อาจก่อให้เกิดริ้วรอยได้เช่นกัน เพราะเมื่อชั้นไขมันใต้ผิวหนังหายไปอย่างรวดเร็ว ผิวก็จะเหี่ยวย่นตามไปด้วย
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลบเลือนริ้วรอยที่เหมาะกับสภาพผิว
แม้ริ้วรอยแห่งวัยจะไม่สามารถกำจัดให้สิ้นรอยได้ แต่ก็สามารถชะลอ หรือลดเลือนลงได้จริงๆ นะ! 

เครดิต bewtychic

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีอ่านค่าSPF-PAของครีมกันแดด

วิธีอ่านค่าSPF-PAของครีมกันแดด


      เพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดด คุณผู้อ่านจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดด โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดที่ปกป้องผิวจาก ยูวีเอ และยูวีบี สังเกตได้จาก ค่า PA ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจาก ยูวีเอ ส่วน ค่า SPF จะป้องกันยูวีบี


แต่ทั้งค่า PA และ SPF ต่างก็มีแยกย่อยออกเป็นหลายชนิด และความแตกต่างนั้นบ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ต่างกัน โดย พญ.ธวลิดา เวชชวิณิชย์ แพทย์ผิวหนัง, เลเซอร์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระรามเก้า จะมาช่วยไขคำตอบให้...เริ่มจาก ค่า PA ที่มักจะมีให้เห็น อาทิ PA+, PA++, PA+++


สำหรับความหมายของ + ที่ติดมากับค่า PA คือความสามารถปกป้องผิวจากยูวีเอ แบบเท่าตัว กล่าวคือ เครื่องหมายบวกเดียว เท่ากับการป้องกันยูวีเอ 2 เท่า เครื่องหมายบวกสองตัว คือ ปกป้อง 4 เท่า และสามบวก คือ ป้องกันยูวีเอ 8 เท่า


ส่วนค่า SPF ที่มีตัวเลขต่อท้าย อาทิ SPF10, SPF15, SPF 60 นั้นสามารถนำมาคำนวณระยะเวลาในการปกป้องผิวจากยูวีบี โดยนำตัวเลขส่วนท้ายคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้หมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดชนิดนั้นจะป้องกันยูวีบีได้ เช่น SPF10 นำ 10x30 เท่ากับ 300 นาที


อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณผู้อ่านไม่ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวเลย เมื่อคุณต้องออกไปอยู่ในสถานที่แจ้ง แสงแดดแรงร้อน ผิวของคุณก็จะเกิดอาการแดงและคล้ำได้ภายใน 30 นาที และหากเป็นเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง ผิวของคุณก็จะเผชิญกับปัญหาผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัย รุนแรงมากอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้. เครื่องสำอางเกาหลีก็มีหลายตัวที่ท่านจะเลือกใช้ให้เข้ากะผิวของท่าน ลองเลือกใช้ดูนะคะ่


link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำิอางเกาหลี,บริหารสะโพกให้ดูดี


เครดิต www.pooyingnaka.com,bewtychic

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

siegsa: ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

siegsa: ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย: "ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตา..."

ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

ทริคส์ง่ายๆ เพื่อตาใสปิ๊งเป็นประกาย

วันๆ เราใช้ดวงตาทำงานตั้งแต่ตื่นจนถึงค่ำทุกวัน บางคนทำโอทีต่อตามผับจนเกือบสว่างก็ยังมี รีบมาเอาใจดวงตาด้วยการบำรุงรักษากันดีกว่า

1. ล้างครีมรอบดวงตาทุกวัน
เนื้อ ครีมที่เกาะกันเป็นก้อนแข็งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าหากว่าหลุดเข้าไปในดวงตาเป็นประจำก็จะไปขูดให้กระจกตาถลอกได้ สาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าทุกวันจึงต้องอย่าลืมล้างครีมและมาสคาร่าที่ป้ายไว้ออกให้ หมด สวยแล้วต้องรักษาความสะอาดด้วยถึงจะเพอร์เฟ็คท์

2. กินหอมใหญ่สีแดง
เทียบ กันแล้ว หอมใหญ่สีแดงมีสารเกอร์เซตินซึ่งต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าหอมสีขาวเยอะ เลย และสารอาหารตัวนี้เองที่จะป้องกันไม่ให้ต้อกระจกไม่มาราวีดวงตาสวยๆ ของคุณ

3. เหนื่อยนักพักสายตาบ้าง
ดวง ตาก็เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่รู้จักปวดเมื่อยอ่อนล้าเหมือนกัน การใช้สายตาโดยไม่พักเลยจะทำให้สมรรถภาพของสายตาแย่ลง ฉะนั้นทุกๆ 30 นาที ควรให้สายตาได้พักบ้างสัก 30 วินาที

4. สวมแว่นกันแดด
การ สวมแว่นก็เพื่อป้องกันรังสียูวีจาแสงแดดมาทำลายดวงตา โดยเฉพาะเวลานั่งในรถหรือเวลาอยู่กลางแดดจ้า นอกจากนี้สีของแว่นก็สำคัญ แว่นสีแฟชั่นพวกสีส้ม แดง เหลือง จะทำให้ประสาทตาต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าใส่เป็นสีฟ้าหรือสีเทาจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาได้พักมากกว่า



5. กินผักโขมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ผักโขมอุดมไปด้วยสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา นั่นคือสารลูเทอิน ซึ่งานวิจัยบอกว่าช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ดีมากๆ

6. ตรวจความดันเป็นประจำ
โรค ความดันโลหิตไม่ได้ทำให้สุขภาพแย่อย่างเดียว ยังทำให้สุขภาพตาเสียไปด้วย เพราะความดันที่สูงกว่าปกติจะทำลายหลอดเลือดในดวงตา ฉะนั้นอย่ามองข้ามการตรวจความดันเป็นอันขาด ผลร้ายมีมากกว่าที่คุณคิด

7. เหยาะน้ำมันกันสักนิด
น้ำมัน ที่ว่านี้คือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นต่างๆ เช่น กลิ่นมะลิ เปปเปอร์มิ้นต์ วานิลลา จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิและมองเห็นได้ชัดเจน วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่เหยาะน้ำมันกลิ่นที่คุณชอบลงไปที่ท้องแขนสัก 2-3 หยด หรือจะหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าไว้สูดดมให้ชื่นใจก็ดูคุณหนูไม่เบา


8. กินมันเทศบ่อยๆ
เนื้อมันเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งช่วยเรื่องบำรุงสายตาโดยตรง ทำให้เห็นในที่มืดได้ดีขึ้น

9. ปรับจอคอมพิวเตอร์ลงอีกหน่อย
แสง จ้าผสมรังสียูวีจากคอมพิวเตอร์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สายตาแห้ง แต่วิธีแก้ปัญหาเล่นไม่ยาก แค่ปรับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าสายตานิดหน่อย เพื่อที่เวลาเรามอง เปลือกตาบนจะได้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเรากำลังหยีตาเวลาเจอแดด เป็นการป้องกันไม่ให้น้ำในดวงตาระเหยออกไป

10. ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
เพราะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่า ตาสวยๆ ของหวานใจจะมีเชื้ออะไรแอบอยู่บ้าง ถ้าเราเอาผ้าเช็ดหน้าที่มีเชื้อโรคมาเช็ดตาก็อาจจะติดเชื้อตาแดงมาจากสุดที่ รักก็ได้ แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของคุณเองก็ควรจะเปลี่ยนเอาไปซักบ่อยๆ เช่นกัน

11. หยุดใช้เกลือ
ความ เค็มจัดของเกลือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดโรคต้อกระจกเร็วขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากใช้เกลือมาใส่น้ำปลาหรือเครื่องเทศที่มีรสเค็มแทน จะช่วยป้องกันต้อกระจกได้ หรืออย่างน้อยก็ควรจะเลือกอาหารที่บนฉลากเขียนว่า "เกลือโซเดียมต่ำ" หรือ "ปราศจากเกลือ"

12. ปรับแอร์ออกจากตัว
เวลา นั่งรถ สาวๆ ควรจะปรับช่องแอร์ให้เบนออกห่างจากตัว อย่าให้แอร์เป่าใส่หน้าตรงๆ เพราะจะทำให้ตาแห้ง และในช่องแอร์ยังอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่ การไม่ส่องแอร์เข้าหาตัวจึงเป็นวิธีปลอดภัยทั้งดวงตาและต่อสุขภาพด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก spicy,bewtychic

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิว

เลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิว






ขอแนะเคล็ดลับวิธีการเลือกทำสีผมให้เข้ากับสีผิวมาบอก...


    -ผิวขาวอมชมพู  ให้ทำเฉดสีบลอนด์ แนะว่าควรเลือกสีบลอนด์ประกายหม่น โทนน้ำตาลทองหรือทองแดงประกายน้ำตาล แล้วเสริมด้วยการทำไฮไลท์โทนอ่อนกว่าหนึ่งระดับเพื่อช่วยให้ผิวดูไม่ซีดเกินไป


   -ผิวขาวอมเหลือง สีผิวนี้ทำให้ใบหน้าดูซีดเซียว ไม่สดใส ควรเลือกทำสีผมโทนสีแดง เช่น ประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง


   -ผิวสองสีหรือสีน้ำผึ้ง เหมาะกับผมโทนสีทอง เช่น สีส้ม น้ำตาลทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเนื้อ เพิ่มด้วยการทำไฮไลท์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ จะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น


   -ผิวสีแทน ผิวคล้ำหรือผิวสีเข้ม เหมาะกับผมสีน้ำตาลแก่ เช่น น้ำตาลช็อกโกแลต สีมอคค่า แนะว่าควรเพิ่มสีประกายทองแดง หรือเพิ่มมิติด้วยไฮไลต์ไล่ระดับ เพื่อขับให้สีผิวไม่ดูคล้ำจนเกินไป


ฉะนั้นก่อนทำสี อย่าลืมเลือกสีผมให้เข้ากับสีผิวของตัวเอง.


link ที่เกี่ยวข้อง  เครื่องสำอางเกาหลี,อาหารเพื่อผิวสวย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์,bewtychic

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

10 ทริคความงาม (แบบประหยัด)

10 ทริคความงาม (แบบประหยัด)

เพราะ ช่วงนี้อะไรก็ฝืดเคืองไปหมด ข้าวของก็ราคาแพงเหลือเกินแต่เงินเดือนก็ไม่เพิ่มสักเท่าไร เรามาลองใช้ทริคเหล่า เพื่อช่วยให้เราประหยัดไปได้บ้างดีกว่าค่ะ เพื่อนๆชาวผู้หญิงนะคะดอทคอมลองนำไปใช้นะคะ ได้ผลยังไงบอกต่อเพื่อนสาวด้วยค่ะ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะรู้แล้วแต่ลองอ่านเพิ่มเติมกับข้ออื่นๆนะคะ

   1. บรอนเซอร์และแป้งเด็ก ช่วยขจัดความมันของผมมันๆ
อาจ จะเป็นโชคร้ายของหลายคนที่มีผมมัน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังมันเยิ้ม หากวันไหนจำเป็น หรือออกไปข้างนอกแล้วรู้สึกได้เลยว่าผมเริ่มมันเยิ้ม ให้ใช้บรอนเซอร์หรือจะเป็นแป้งเด็กก็ได้ เทใส่โคนผมในปริมาณเพียงเล็กน้อย เพื่อให้แป้งซับเอาน้ำมันส่วนเกินออก จากนั้นก็ก้มศรีษะลงและสะบัดเอาผงแป้งออกซะ หรือจะใช้ดรายแชมพูก็ได้ค่ะ สำหรับวันไหนเร่งรีบ (ดรายแชมพู ยี่ห้อ พีเจ้นท์ มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆค่ะ) ใช้สระผมโดยไม่ต้องล้างออก

   2. วาสลีน ช่วยได้
ไม่ ว่าจะใช้ทาริมฝีปากแทนลิปมัน หรือหากมีผิวตรงไหนที่แห้งมากๆก็ใช้ได้ดี และยังใช้สำหรับเช็ดเครื่องสำอางค์รอบดวงตาได้ด้วยค่ะ ใครที่ส้นเท้าแตกแห้ง หลังจากขัดเท้าให้ทาวาสลีนและสวมถุงเท้าไว้ค่ะ

   3. Visine นอกจากใช้หยอดตาแล้ว ยังช่วยเรื่องสิวด้วย
ใคร เคยอดตาหลับขับตานอนจนตาแดงบ้าง Visine นี่ล่ะช่วยได้ แต่ไม่หมดแค่นั้นค่ะ หากเราเป็นสิว ใช้เจ้า Visine นี่ละเพียงเล็กน้อยทาบนหัวสิว จะช่วยลดรอยแดงลงได้แทบจะทันทีเลยค่ะ หาซือ้ Visine ที่ร้านขายยาค่ะ

  4. ผมเป็นไฟฟ้าสถิตใช้มอยเจอไรเซอร์
หาก คุณมีผมที่มักจะชี้เหมือนเป็นไฟฟ้าสถิต ลองใช้มอยเจอไรเซอร์ เพียงแค่เล็กน้อยประมาณเหรียญบาท ถูบนฝ่ามือ แล้วค่อยลูบลงบนเส้นผมตรงที่เป็นไฟฟ้าสถิต น้ำหนักของมอยซ์เจอไรเซอร์จะช่วยให้ผมลู่ลง และคุณก็ได้ประโยชน์จากการถูบนฝ่ามือด้วยค่ะ

  5. เล็บเหลืองจากการทาสีเล็บ
สาวๆ มักจะทาสีเล็บและไม่ค่อยได้ดูแลจนเล็บเหลืองไม่น่ามอง ให้ผ่าซีกมะนาวแล้วเอาเล็บมือจุ่มลงไปในลูกมะนาวสัก 5 นาที จะช่วยให้ผิวเล็บสะอาดขึ้น

  6. ลืมซื้ออายแชโดว์ชนิดครีม...ทำเองซะ
โดย ใช้แปรงที่เปียกชื้น (จากปกติใช้แบบแห้งๆ) กับอายแชโดว์แบบเนื้อแป้ง เพียงแค่นี้ก็จะได้เนื้อครีมที่สว่างขึ้นสำหรับเปลือกตา ง่ายแต่ได้ผลค่ะ

  7. น้ำหอมบนข้อมือ
หาก กำลังจะออกไปพบใครและอาจจะต้องมีการเชคแฮนด์ ใช้น้ำหอมในปริมาณเล็กน้อยบนข้อมือ เช่นเดียวกับบริเวณหลังหู ซึ่งบางครั้งการเชคแฮนด์กลายเป็นการจูบมือ หรือการโดนหอมแก้ม จะทำให้เค้าคนนั้นได้กลิ่นหอมอ่อนๆของคุณด้วย

8. ใช้แผ่นปรับผ้านุ่มให้เป็นประโยชน์
บ้าน ไหนใช้เครื่องอบผ้า คงต้องใช้แผ่นปรับผ้านุ่มด้วย หรือคุณจะหาซื้อมาไว้เผื่อจำเป็นต้องใช้ก้ได้ ที่ชั้นน้ำยาปรับผ้านุ่มและมองหาชนิดแผ่นค่ะ เพราะแผ่นปรับผ้านุ่ม จะช่วยให้ผมของคุณมีกลิ่นดีขึ้นหลังจากที่ผ่านราตรีอันยาวนานและกลิ่นบุหรี่ ที่อบอวลจนผมกลายเป็นกลิ่นบุหรี่ เพียงแค่เอามาถูเบาๆ ก็ทำให้คุณลืมผมเหม็นๆและพร้อมจะเริ่มวันใหม่ได้อย่างสบายใจแล้ว

  9. อยากเปลี่ยนทรงแต่ยังไม่อยากตัด
ง่าย นิดเดียว แต่คงเพียงชั่วคราว คุณอาจจะต้องเปลี่ยนข้างปัดผมบ้าง ซึ่งคุณแค่ต้องการหวีและสเปรย์เท่านั้นเอง หรือคุณอาจจะใช้เครื่องประดับเป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะเป็นกิ๊บ หรือที่คาดผม หรือหากผมยาวให้ลองเปลี่ยนวิธีมัดผมเป็นมัดแบบกลมๆหรือมัดหางม้าสูง

  10. น้ำ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้หญิง
ไม่ ว่าจะอ่านบทความเกี่ยวกับความงามมากแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่เราจะดื่มได้ในหนึ่งวัน น้ำจะช่วยให้ผิวเรามีสุขภาพแข็งแรง คุณเองก็เช่นกัน นอกจากผิวแล้วผมของเราเองก็เหมือนกัน จะเห็นว่าการดื่มน้ำมีประโยชน์กับเราในทุกด้าน

ทั้ง 10 ข้อนี้คงจะพอให้เพื่อนๆผู้หญิงนะคะดอทคอมนำไปประยุกต์ใช้ได้บ้างนะคะ ลองเอาของใกล้ตัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ดีกว่าค่ะ บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงๆเสมอไปใช่มั้ยคะ

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

5 วิธีแปลงกายเป็นสาวหวาน ในชั่วโมงเร่งด่วน

5 วิธีแปลงกายเป็นสาวหวาน ในชั่วโมงเร่งด่วน

   สวยใสอินเทรนด์

          เดือนแห่งเทศกาลฉลองปีใหม่ผ่านไปแล้ว เดือนแห่งเทศกาลของความรักตามมาติดๆ หลายคนอาจได้ลงมือทำอะไรใหม่ๆ เป็นของขวัญให้ตัวเองกันไปแล้ว แต่หลายคนอาจยังหัวฟูกับงานกองพะเนิน ไม่ก็การบ้านกองโต จนยังโงหัวไม่ขึ้น

  
          เอาน่า... เติมลูกฮึดให้ตัวเองอีกครั้ง ฉุดตัวเองขึ้นยืนมองกระจกทันทีที่เห็นภาพสะท้อนตรงหน้าแล้วเผลอสะดุ้งเฮือก หรือชะงักงันไปแม้เพียงเสี้ยววินาที ขอแนะนำให้รีบหาเรื่องหวานๆ ใส่ตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่กลิ่นเปรี้ยวๆ จะโชยออกมาให้คนรอบข้างผงะ

          ถ้าพูดถึง ความสวย คนอยากสวยก็แค่เดินไปให้หมอศัลยกรรม ทำคิ้วถาวร กรีดตาสองชั้น เหลาคาง รีดไขมัน หรือเลยเถิดถึงขั้นตัดแต่งซี่โครงเพื่อให้เอวคอดกิ่ว... อันนี้ไม่ยากเพราะมันเป็นเรื่องของร่างกายล้วนๆ

          แต่ ถ้าพูดถึงความหวาน คนอยากหวานไม่สามารถเดินไปให้หมอศัลยกรรมทำยิ้มถาวร กรีดแววตาอ่อนโยน หรือยัดซิลิโคนหัวใจแจ่มใส... อันนี้ยากมาก ยากที่สุด ยากจนถึงขั้นหมอเทวดาก็ทำศัลยกรรมให้ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ

1. ถูกแพงไม่รู้ ขอชมพูไว้ก่อน

          หน้าใส ผิวผ่อง อมชมพูเรื่อๆ เป็นความสวยแบบธรรมชาติที่มองแล้วเพลินตา เพลินใจ คนที่เข้าข่ายหน้าไม่ให้แต่ใจรัก จึงมักพึ่งเครื่องสำอางปกปิดริ้วรอยหรือเนรมิตแก้มเปล่งปลั่งเกินจริง ไม่ก็แต่งหน้าแต่งตาเข้มราวกับนางแบบแมกกาซีน จนดูเหมือนใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา

          ในอารมณ์ ที่อยากจะเป็นสาวหวาน อย่างแรกเลย ขอแนะนำให้ลอกคราบเครื่องสำอางหนาๆ ออกให้เกลี้ยง จะเป็นรองพื้นอย่างหนา คิ้มสีเข้ม อายชาโดว์เป็นชั้นๆ ที่เปลือกตา บลัชออนที่แดงเป็นไส้ซาลาเปาหรือลิปสติกสีสดเป็นเลือด ฯลฯ

         
ลองเก็บเฉด สีเก่าใส่ลิ้นชัก แล้วเปลี่ยนมาใช้แป้งเด็กเนื้อบางเบา บลัชออนสีชมพูอ่อน กับลิปสติกสีชมพูใสแค่แท่งเดียว หรือจะแถมน้ำยาอุทัยทิพย์แตะแก้มเบาๆ สักนิดก็ยังได้้ถ้ารู้สึกว่าหน้าซีดเป็นน้องไก่ต้มเกินไป มองกระจกดีๆ แล้วจะพบว่าเปลือกเก่าๆ บนใบหน้าถูกกะเทาะออกไปแล้ว ใครคนใหม่กำลังจะเผยโฉมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว

2. ยิ้มจากหัวใจ

          อย่าเพิ่ง ขยับไปไหน ยืนอยู่หน้ากระจกนั่นแหละขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในโลก ยิ้มสิจ๊ะ.... ยิ้มสบายๆ แบบที่เขาเรียกว่าระบายยิ้มอ่อนๆน่ะ อย่าฉีกยิ้ม อย่าตั้งใจยิ้มกว้างเกินเหตุ และอย่าล็อคสเปกรอยยิ้มอย่างที่เขาเรียกว่ายิ้มค้าง ถ้ายิ้มแบบนี้จะเกิดอาการเมื่อยปากได้ง่ายๆ เดี๋ยวจะพาลขี้เกียจยิ้มไปซะอีก

          ถามตัวเองง่ายๆ ว่าระหว่างสวยหล่อบาดใจแต่เป็นเสือยิ้มยาก กับคนหน้าตาธรรมดาแต่ยิ้มเก่งชะมัด เราจะส่งยิ้มและเอ่ยปากทักใครก่อนกัน

          ถ้าดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ รอยยิ้มก็คงเป็นเหมือนประตูของหัวใจเช่นกัน ถึงจะยิ้มด้วยกันทั้งคู่แต่ยิ้มที่ปาก เห็นก่อนและชัดเจนกว่ายิ้มที่ตา ว่าแต่ว่าตอนนี้คุณเห็นใครคนใหม่ที่หน้าหวานใสสบายตาชวนมองในกระจกแล้วใช่ ไหม

3. ปล่อยผมเป็นอิสระสักวัน

          หน้าสวยใส ยิ้มกระจ่างแล้ว อย่าปล่อยให้ผมแข็งเป็นตังเม ใครที่ชอบใส่ครีมหรือโปะเจลหนาเตอะ วันนี้ตัดใจบอกลาสักวัน แล้วลองปล่อยผมตามธรรมชาติ

          ถ้าสยาย แล้วสลวยก็แทบไม่ต้องจัดการอะไรอีก แต่ถ้าสยายแล้วออกแนวสยอง หรือพองฟูเกินควบคุม ก็แค่รวบผมง่ายๆ จะเปาะเดียวเป็นเปีย ก็แล้วแต่ความสามัคคีของเส้นผม แต่ถ้ายังไม่มั่นใจในตัวเอง จะอาศัยโรลไฟฟ้าแต่งผมลอนอ่อนๆ ก็ไม่ว่ากัน เน้นนะว่า ลอนอ่อนไม่ใช่ลอนเป็นเกลียวแข็งเหมือนสายโทรศัพท์

4. เสื้อผ้าโทนสีอ่อน

          จะเป็นสาว หวานทั้งตัวทั้งที เสื้อสูทสีเข้ม เสื้อแดงแรงฤทธิ์ ชุดเปรี้ยวเข็ดฟัน หรือเดรสจับจีบแข็งเป็นแพ ถึงจะใส่เป็นประจำ แต่นาทีนี้คงต้องเก็บใส่ตู้ไว้ก่อน เลือกใส่เสื้อโทนสีอ่อนเย็นตา จะขาว ฟ้า ชมพู เขียว เหลือง ก็ขอให้คุมโทนอ่อนๆ เข้าไว้ ไม่ต้องถึงกับอ่อนจนซีด แค่ไม่ให้สีเสื้อแยงตาคนมองรวมถึงแบบเสื้อก็เน้นสไตล์ Casual หรือแบบลำลอง จะลายทาง ลายขวาง หรือลายดอก กติกาเดียวกับการคุมโทนสี คืออย่าเด่นอย่าแรงจนความหวานบนใบหน้าถูกแย่งความสนใจ

          ในที่นี้ ยังไม่รวมไปถึง Accessories ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไล เข็มขัด กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ก็น่าจะเลือกแบบที่ไปกันได้กับสไตล์ Casual เช่นกัน ไม่อย่างนั้น 3 ข้อแรกที่ลงมือทำมาก็หมดความหมาย

5. คิดหวาน พูดหวาน

          จะเป็นสาว หวานทั้งที ต้องหวานทั้งกายและใจ อุตส่าห์แปลงโฉมภายนอกจนเป็นสาวหวานเต็มตัวแล้ว จะให้ครบสูตรต้องหวานไปถึงภายในด้วย จะสวยหวานแค่ไหน ถ้าคุยโขมงด้วยภาษาพ่อขุนรามคำแหงกลางสยามฯ แถมยังสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ อีกต่างหาก จะเรียกเต็มปากได้ไงว่าหนูเป็นสาวหวาน ไม่ต้องถึงกับคลานเข่า พูดเจ้าคะเจ้าขา นาทีละ 10 ครั้ง ขอแค่พูดเพราะ ไม่สบถ โวยวาย แค่นี้ก็พร้อมออกงานได้แล้ว

เครดิต bewtychic

วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดูแลผิวในร่มผ้า

 ดูแลผิวในร่มผ้า


การ ดูแลผิวเป็นเรื่องปกติวิสัยที่คุณและเพื่อนร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันเป็น ประจำ แต่ปัญหาผิวบางส่วนอาจถูกสงวนไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่กล้าปรึกษาแม้แต่คนกันเอง เพราะรู้สึกอาย และอาจคิดไปว่าเกิดกับตัวเองคนเดียว เราจึงรับอาสาจะคลายความอึดอัดพร้อมแก้ปัญหาให้คุณ

    ปัญหา : ผิวแตกลายงาบริเวณสะโพก ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำ - เสมอก็ยังไม่หาย
เฉลย : ผิวแตกลายงาและขรุขระเหมือนเปลือกส้ม คือปัญหาเซลลูไลต์ที่เกาะตัวอยู่ใต้ผิวหนัง ผู้หญิงส่วนใหญ่หนีไม่พ้น เพราะเซลลูไลต์เกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม เนื่องจากเป็นการสะสมของไขมันที่เป็นก้อนนูน ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจน และทำให้อีลาสตินสูญเสียความยืดหยุ่น

ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี ส่วนผสมของคาเฟอีน พร้อมกับการนวดอย่างถูกวิธีที่ค่อนข้างหนักหน่วงในเวลาเช้า - เย็น ตามด้วยครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือวิตามินเอในช่วงกลางคืน จะช่วยลดเลือนเซลลูไลต์ฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเรียบ เนียน ที่สำคัญต้องทำเป็นประจำเพราะเซลลูไลต์จะกลับมาอีกในไม่ช้าถ้าไม่ดูแลให้ดี
   ปัญหา : เล็บเท้าเหลือง จนต้องใส่รองเท้าปิดมิดชิด หรือทาเล็บสีเข้มเคลือบไว้ตลอดเวลา
เฉลย : เล็บเหลืองเป็นเรื่องทรมานใจ สำหรับคนที่ดูแลตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า อาการเล็บเหลือง อาจเกิดจากน้ำประปาที่มีคราบสนิมทำให้เกาะติดตามซอกเล็บ ถ้าใช้แปรงขัดบ่อยๆ ก็จะออกไปเอง แต่อาการเล็บเหลืองมาราธอน เกิดจากการทาสีเล็บที่ไม่เคยว่างเว้น ทำให้เล็บซีดเหลือง แห้งหม่นหมอง และเปราะบางหักง่าย กลายเป็นเศษซากที่เสื่อมสภาพเนื่องจากสารเคมีที่ผสมในยาทาเล็บ วิธีแก้คือ หยุดทาสักพัก และหันมาบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บโดยเฉพาะ จากนั้น รอให้เล็บใหม่สีชมพูสดใสยาวออกมา โดยหมั่นตัดแต่งให้เข้ารูปและทำความสะอาดไม่นานเกินรอ เล็บของคุณก็จะสวยสมบูรณ์โดยไม่ต้องทำอะไรยุ่งยาก
    ปัญหา : เป็นสิวที่หลัง สามารถใช้ผลิตภัณฑ์แก้สิวสำหรับผิวหน้าได้หรือไม่
เฉลย : สิวที่ขึ้นบริเวณใบหน้าและแผ่นหลังไม่มีความแตกต่าง แต่ต้องดูให้ดีว่าเป็นสิวประเภทไหนเพื่อรักษาให้ถูก กรณีที่เป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่หรือสิวหัวช้าง ต้องพบแพทย์เพื่อกำจัดอย่างถูกต้องและป้องกันการลุกลาม แต่ถ้าเป็นสิวหัวขาวทั่วไป สามารถใช้ยาแต้มสิวที่ใช้กับผิวหน้าได้ เพราะผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวที่หลังมีอยู่ไม่มากนัก แต่ก็ใช้ได้ผลดี เช่น psa สำหรับการดูแลทั่วไปเพื่อไม่ให้เป็นสิวอีก ควรทำความสะอาดครบขั้นตอนเหมือนผิวหน้า คือ ชำระล้างด้วยสบู่หรือครีมสครับเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตามรูขุมขน จากนั้นเช็ดผิวให้สะอาดชุ่มชื่นด้วยโทนเนอร์ และทาโลชั่นชนิดบางเบาส่วนแผลเป็นที่เกิดจากสิวทำให้หลังลายไม่น่ามอง แนะนำว่าให้หมั่นทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเพื่อให้กระตุ้นการผลัด เซลล์และช่วยให้ผิวขาวใส แต่ต้องใช้เวลานานกว่าผิวจะสมานเรียบเนียนสวยเหมือนเดิม
    ปัญหา : หลังโกนขนหน้าแข้งประมาณ 3 - 4 อาทิตย์ ผิวหนังก็เริ่มคันคะเยอ ทนไม่ไหวต้องเกาบ่อยจนเสียบุคลิก แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาแย่ยิ่งกว่าคือ ผดผื่นขึ้นเป็นหย่อมๆ
เฉลย : หลังจากชื่นชมกับผิวเนียนสวยที่ปราศจากขนกวนใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เลิกใส่ใจ และลืมไปว่ายังมีขนขึ้นใหม่ตามมาอีกระลอกในจำนวนนั้นมีบางเส้นที่เป็นขนคุด คือแทนที่จะแทงทะลุผิวหนังขึ้นมาแต่กลับโค้งงอแทงลงที่เดิมเป็นเหตุให้ผิว ระคายเคือง ยิ่งเกาก็ยิ่งอักเสบบางคนกลายเป็นแผลเรื้อรังเพราะเกิดอาการติดเชื้อตามมา


หลัง กำจัดขนควรใส่ใจผิวบริเวณนี้เป็นพิเศษ ด้วยการใช้โทนเนอร์เช็ดผิวในระยะแรก ตามด้วยเจลบำรุงผิวที่ชุ่มชื้นเพื่อให้ขนขึ้นใหม่อ่อนนุ่ม หากรู้สึกระคายเคืองและสังเกตเห็นว่ามีผดเม็ดๆ ผุดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาทาที่ช่วยลดการอักเสบ อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน เพราะผิวเนียนนุ่มอาจเกิดแผลเป็นได้
    ปัญหา : เหงื่อออกใต้วงแขนมากจนเห็นเป็นวงที่ใต้แขนเสื้อ แม้จะใช้ยาระงับกลิ่นก็ช่วยไม่ได้
เฉลย : โดยปกติผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นจะมีส่วนผสมที่ทำให้เหงื่อแห้ง ไม่รู้สึกรำคาญผู้ใช้เกิดความมั่นใจว่าปลอดกลิ่นและรอยเหงื่อที่ไม่น่ามอง กรณีที่ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นประจำแต่ยังมีคราบเหงื่ออย่างเห็นได้ชัด แสดงถึงอาการเหงื่อออกที่มากผิดปกติ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานในร่างกาย ซึ่งจำเป็นต้องตรวจให้แน่ชัดเพื่อทำการรักษาต่อไป





       เครดิต    bewtychich

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นวดหน้ารับลมหนาว

          
        ใกล้ หน้าหนาวเข้ามาทุกที สาวๆ ต้องเตรียมดูเเลผิวเพื่อป้องกันความเเห้งกร้านที่จะมาเยือน ด้วยเคล็ดลับการนวดกระตุ้นให้ผิวเปล่งปลั่ง แลดูมีเลือดฝาด แก้มแดงเป็นสีชมพูน่าจุ๊บ

1. หลังบำรุงผิวในขั้นตอนสุดท้าย ให้ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างกดที่บริเวณริมฝีปากเเล้วค่อยๆ เลื่อนไปที่บริเวณใต้เเก้มไปจนถึงกรอบหน้า สลับเลื่อนเข้าและเลื่อนออก 3 ครั้ง

2. ใช้ปลายนิ้วมือมือทั้ง 2 ข้างดันบริเวณกระพุ้งแก้มแล้วค่อยๆ ยกขึ้น ทำแบบนี้ 3 ครั้ง

3. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดตรงปลายหางตา แล้วดึงออกด้านข้างอย่างเบามือ ทำสลับซ้ายขวา 3 ครั้ง

4. ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดที่บริเวณกึ่งกลางหน้าผาก เลื่อนปลายนิ้วเข้าออกแบบสลับฟันปลา ทำ 3 ครั้ง

5. ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดแก้ม โดยให้ปลายนิ้วอยู่ที่บริเวณรอบดวงตาเเละฝ่ามืออยู่ที่เเก้มกดลงเบาๆ แช่ไว้สักครู่เพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้ผิว ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

เครดิต bewtychic

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

7 สายรุ้งแห่งจักระสุขภาพ

7 สายรุ้งแห่งจักระสุขภาพ 


คุณอาจได้ยินได้ฟังมานานว่าสีสันนั้นส่งผลต่ออารมณ์ แต่น้อยคนนักจะรู้ในเบื้องลึกว่ามันยังส่งผลสำคัญต่อระบบร่างกายในเชิงกายภาพ ด้วยการให้ผลกระทบต่อจักระอีกด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สีบางสีสามารถปรับสมดุลระบบน้ำเหลือง ลดปัญหาในช่องท้อง หรือกระดูกสันหลัง และนี่คือความลับที่เรานำมาบอก


7 จักระและ 7 สีสันทรงอิทธิพล


จักระตลอดร่างกายของเราประกอบไปด้วย 7 จุด และแต่ละจักระนั้นมี ความไวต่อ 7 สีสัน ในเชิงจิตวิญญาณเชื่อกันว่าสีต่างๆ จะไปเสริมออร่าของร่างกาย ส่วนในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สีสันซึ่งมีความยาวคลื่นเฉพาะตัวนั้นส่งผลกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย


ใครอยากรู้ว่าตัวเองจะนุ่งผ้าสีอะไรถึงจะดีต่สุขภาพ หรือทาสีห้องนอน ด้วยเฉดโทนใด นี่คือความลับของสายรุ้ง


• แดง สีแดงมีอิทธิพลต่อจักระพื้นฐานอันได้แก่ระบบการทำงานของกระดูกสันหลัง ส่งผลให้ร่างกายเต็มไปด้วยพลังชีวิต ความเข้มแข็งด้านจิตใจ และสมดุลแห่งระบบไหลเวียนโลหิต ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีแดงที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไปจนเครียด อารมณ์แปรปรวน และจิตใจรุ่มร้อนด้วยโทสะ


• ส้ม สีส้มมีอิทธิพลในด้านสังคม ทัศนคติเชิงบวก ส่งผลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของระบบไต ระบบปัสสาวะ และระบบสืบพันธุ์ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีส้มที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้จิตใจหงุดหงิด มองโลกในแง่ร้าย และจิตใจกระวนกระวายสับสน


• เหลือง สีเหลืองมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมระบบช่องท้อง สร้างสมดุลในระบบน้ำย่อย ให้ผลต่อการยกระดับจิตใจ ลดความหวาดระแวง ความสับสน และเพิ่มสมาธิในการตัดสินใจ ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเหลืองที่มากเกินไป จะส่งผลเสียให้ขาดสมาธิ และกะตือรือล้นเกินพอดี


• เขียว สีเขียวมีอิทธิพลต่อจักระที่ควบคุมการทำงานของหัวใจ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพทางความคิด ความสงบ กระจ่าง เสริมทัศนะการใช้ชีวิตในแบบสงบสุข ร่มเย็น และมุมมองความรัก การให้อภัย สันติภาพ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีเขียวที่มากเกินไป


• น้ำเงิน สีน้ำเงินมีอิทธิพลต่อจักระในระบบช่องคอ ปอด ช่วยในการแสดงออกทางสังคม การสื่อสาร ความมุ่งมั่น สุนทรีย์ในศิลปะ เชื่อว่าสีน้ำเงินยังปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานจาการนอนไม่หลับ ความเครียด อาการระคายเคืองคอ ความดันเลือดสูง และอาการไมเกรนอีกด้วย ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีน้ำเงินที่มากเกินไป


• คราม สีครามมีอิทธิพลต่อจักระในดวงตาที่สาม ซึ่งอยู่ในตำแหน่งหน้าผาก กึ่งกลางระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ควบคุมการทำงานของอวัยวะในส่วนขมับ หน้าผาก ลงมาถึงดวงตา ให้ผลในการควบคุมสมดุลการทำงานของระบบน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกันโรค การกำจัดของเสีย และเพิ่มสมรรถภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่มีผลเสียสำหรับการอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีครามที่มากเกินไป


• ม่วง สีม่วงมีอิทธิพลต่อจักระตำแหน่งมงกุฎ หรือบริเวณกระหม่อม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้ความคิด สมอง พลังจิต ความมุ่งมั่นและญาณทัศนะ เกหมาะสำหรับผู้ทำงานบริหาร ในทางกลับกัน การอยู่ในสภาพแวดล้อม หรือสวมใส่สีม่วงที่มากเกินไป จะส่งผลเสียต่อนิสัย ความคิด ทำให้เป็นคนหลงตัวเอง และเย่อหยิ่ง


หลายสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ในแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หมายความว่ามันไม่มีจริง หรืองมงาย เพราะในทางตรงกันข้าม บางที อาจต้องโทษพวกนักวิชาการมากกว่า ว่าพวกเขาอาจยังไม่เจริญพอที่จะไขความลับแห่งธรรมชาติ จักระ ก็เช่นกัน มันอาจมีพลานุภาพมากกว่าผลที่ถูกพิสูจน์ในปัจจุบันก็ได้ เรื่องพวกนี้ ไม่มีอะไรแน่อนเท่า การทำเอง รู้เอง ......

link ที่เกี่ยว เครื่องสำอางเกาหลี,เทคนิคการแต่งหน้า...แบบง่าย,การดูแลผิวแห้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.sanook.com,bewtychic

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพิ่มเสน่ห์ให้คิ้วสวยคม

เพิ่มเสน่ห์ให้คิ้วสวยคม

        ความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณผู้หญิงทุกๆ คน ในแต่ละส่วนของร่างกายหากรู้จักเติมแต่งและดูแลให้สวยดูดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยเพิ่มบุคลิกที่ดีและความมั่นใจให้กับตัวเอง


         คิ้ว เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามยามแต่งหน้า เพราะช่วยเพิ่มเสน่ห์บนใบหน้าได้ โดยทั่วไปแล้วสาวๆ แต่ละคนมีลักษณะของคิ้วที่แตกต่างกันออกไป เข้มบ้างบางบ้าง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาว่าจะแต่งคิ้วอย่างไรให้ดูสวย คม เพื่อเพิ่มความสวยงามบนใบหน้า เรื่องคิ้วแก้ปัญหาไม่ยาก แต่งเสริมเติมสวยมีคำแนะนำมากฝากค่ะ


         สำหรับสาวคิ้วหนาหรือคิ้วเข้ม ไม่ยากเลยเพียงแค่กันคิ้วให้ได้รูปเท่านั้นไม่จำเป็นต้องเขียนคิ้วเพิ่ม เพราะคิ้วหนาอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้แปรงปัดคิ้วอีกเล็กน้อยเท่านี้ คิ้วก็จะได้รูปสวยงามดั่งใจ


         ส่วนสาวที่ไม่ค่อยมีคิ้ว ถ้าอยากจะมีคิ้วที่สวยคงต้องเขียนคิ้วเพิ่ม โดยใช้ดินสอสีน้ำตาลอ่อนๆ หรือน้ำตาลแดงเพราะเป็นสีที่ดูเป็นธรรมชาติ


         สุดท้ายคือ สาวที่มีรูปคิ้วสวยอยู่แล้วแต่คิ้วบาง อันนี้ไม่ยากค่ะ ให้ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลอ่อนๆ ช่วย โดยเขียนตามรูปคิ้วเดิมที่สวยอยู่แล้ว


        Tips : การเขียนคิ้วที่ถูกวิธี ต้องไม่เขียนเน้นที่หัวคิ้วให้หนา และดูคมมาก เพราะจะทำให้ดูเหมือนคนยักคิ้วอยู่ ลักษณะการเขียนคิ้วที่ดูเป็นธรรมชาตินั้น ให้เขียนที่หัวคิ้วเป็นสีกลางๆ ไม่ต้องเข้มมากและค่อยๆ ไล่สีไปจนเข้มที่หางคิ้ว จะช่วยให้คิ้วดูคมและสวยขึ้น


        หมั่นเอาใจใส่กับความสวยงาม คอยดูแลและเอาใจใส่ร่างกายอยู่เสมอ รับรองเลยว่า คุณจะสวยสดใสทั้งทางกาย และจิตใจแน่นอนค่ะ




link ที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอางเกาหลี,เทคนิคการแต่งหน้า...แบบง่าย,การดูแลผิวแห้ง
ขอบคุณที่มาจาก www.kapook.com,bewtychic

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลิปสติกแดงที่เหมาะกับคุณ

ลิปสติกแดงที่เหมาะกับคุณ 


          เพราะผู้หญิงมีหลายแบบ และสีแดงก็มีหลายเฉด คงจะมีสักเฉดที่เหมาะกับบุคลิกของคุณ


          ผู้หญิงหลายคนชอบที่จะทาริมฝีปากด้วยลิปสติกสีแดงสด แต่ก็มีผู้หญิงอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่กล้าจะใช้ลิปสติกโทนสีแดงเลย นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าไม่มั่นใจในสีผิวของตัวเอง หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองดูเป็นผู้หญิงจัดจ้าน แต่ความจริงแล้วลิปสติกโทนสีแดงจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้คุณเป็นผู้หญิงดูเย้ายวนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างสีสันให้ผู้หญิงมีชีวิตชีวาขึ้นด้วย ทีนี้หากคุณอยากลองใช้ลิปสติกโทนสีแดงกับเขาบ้าง จะเลือกใช้ลิปสติกสีแดงแบบไหนดีให้เข้ากับตัวคุณ


 แดงแกมม่วง


          หญิงสาวที่ชอบความลึกลับทว่าแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ควรใช้สีนี้ หลังจากบำรุงริมฝีปาก ให้วาดขอบปากด้วยดินสอหรือลิปสติกสีแดงเข้ม แล้วทาลิปสติกสีแดงเข้มก่อนแล้วค่อยทาทับด้วยลิปกลอสสีแดงม่วง เน้นสีตาด้วยอายแชโดว์โทนสีน้ำตาลปนม่วง แค่นี้คุณย่างกรายไปทางไหนจะมีแต่สายตา ที่มองดูคุณเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ มีเสน่ห์น่าค้นหา


 แดงชมพู


          สีนี้เข้าได้กับผู้หญิงเกือบทุกสีผิวเขียนขอบปากด้วยสีแดงสด ทาทับด้วยลิปสติกสีแดงชมพู โดยวาดขอบปากด้านบนตรงรอยหยักกึ่งกลางให้เป็นรูปโค้งมน จะช่วยเพิ่มความอ่อนหวานส่วนดวงตาใช้อายแชโดว์สีชมพูอ่อนระบายให้ทั่วเปลือกตา เน้นเส้นอายไลเนอร์บนขอบตาบนและล่างด้วยดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลเข้ม ปัดขนตาด้วยมาคาร่าสีเข้ม คุณจะกลายเป็นหญิงสาวแสนหวานขึ้นมาในบัดดล


 น้ำตาลประกายแดง


          เหมาะกับสาวผิวสี เพราะจะช่วยเพิ่มความสว่างใสให้กับใบหน้า วาดขอบปากด้วยสีน้ำตาลแดงแล้วใช้พู่กันทาปาก แต้มลิปสติกสีน้ำตาลค่อนไปทางแดงทาทับ เปลือกตาควรทาด้วยอายแชโดว์สีน้ำตาลประกายแดง โดยระบายในลักษณะกลมมนตามเบ้าตาปัดคิ้วด้วยอายแชโดว์สีน้ำตาลที่อ่อนกว่าสีคิ้วจริงเล็กน้อย แล้วตามด้วยปัดมาสคาร่าสีธรรมชาติ เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน


 แดงเพลิง


          สีนี้เข้าได้ดีกับผู้หญิงทุกสีผิวที่ต้องการความมาดมั่น หลังขั้นตอนบำรุงริมฝีปากด้วยลิปมอยส์เจอไรเซอร์แล้ว เริ่มด้วยการวาดขอบปากด้วย ดินสอหรือลิปสติกสีแดงเข้ม โดยเน้นขอบปากด้านบนตรงรอยหยักกึ่งกลางปากให้เป็นรูปตัววีเหลี่ยมอย่างชัดเจน ทาทับด้วยลิปสติกสีเดียวกันให้ทั่ว แล้วแต้มลิปกลอสลงไปอีกนิด ช่วยเพิ่มความเย้ายวนให้กับริมฝีปาก เหมาะกับผู้หญิงเก่งและมั่นใจเช่นคุณ


 แดงใส ๆ แบบสาวซื่อ ๆ


          เหมาะกับสาวที่อยากให้ตัวเองดูเป็นสาวแรกรุ่น ใช้พู่กันแต้มลิปสติกสีแดงส้มหรือแดงชมพูทาบริเวณกึ่งกลางด้านในริมฝีปากบนและล่าง แล้วใช้พู่กันเกลี่ยลิปสติกส่วนที่เหลือให้จางจนเต็มรูปริมฝีปาก เม้มปากบนทิชชูให้เนื้อลิปสติกเหลือบางเบา ทาทับด้วยลิปกลอสใส ปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสร้างสีสันให้พวงแก้มด้วยบลัชออนโทนสีสว่าง เท่านี้คุณก็เป็นหญิงสาวที่สวยใสและน่าทะนุถนอมอย่างที่สุด


Link ที่เกี่ยวข้อง  เครื่องสำอางเกาหลี,การดูแลผิวแห้ง,ผิวสวยได้ด้วยชีวิตประจำวัน
ขอบคุณที่มาจาก www.kapook.com,bewtychic